การดูแลสุนัขหลังการผ่าตัด
หลังจากที่สุนัขของคุณรับการผ่าตัดใดๆก็ตาม คุณควรรับคำแนะนำจากสัตวแพทย์เกี่ยวกับการดูแลสุนัขหลังการผ่าตัด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงผลไม่พึงประสงค์หลังการผ่าตัด ซึ่งคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุนัขหลังการผ่าตัดโดยทั่วไปมีดังนี้
1)ห้ามให้อาหารหรือน้ำแก่สุนัขภายใน 30 นาทีหลังจากที่เดินกลับถึงบ้าน เพราะอาจทำให้สุนัขมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน
2)ในกรณีที่สุนัขกลับถึงบ้านในสภาพหลับ หรือสลบ ห้ามให้อาหารหรือน้ำแก่สุนัขไม่ว่าโดยวิธีการใดๆจนกว่าสุนัขจะฟื้นจากยาสลบอย่างเต็มที่ เพราะอาจทำให้สุนัขมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งอาจสาลักจนอุดทางเดินหายใจได้
3)จำกัดบริเวณ หรือขังกรงจนกว่าจะตัดไหม( ประมาณ 8-10 วันหลังการผ่าตัด )
4)อย่าให้สุนัขออกกำลัง วิ่ง หรือตื่นเต้น
5)อย่าให้สุนัขอยู่ในที่เย็นจัด ร้อนจัด หรือลมแรง
6)คอยตรวจดูแผลผ่าตัด และใส่ยาอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ให้แผลอยู่ในสภาพแห้งและสะอาด
7)งดอาบน้ำจนกว่าจะตัดไหม( ประมาณ 8-10 วันหลังการผ่าตัด )
8)พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตัดไหมในอีก 8-10 วันหลังการผ่าตัด (ถ้าไม่มีคำแนะนำอื่นๆจากสัตวแพทย์)
9)ป้อนยา และดูแลแผลตามที่สัตวแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
10) ถ้ามีปัญหาใดๆ ให้ติดต่อสัตวแพทย์เจ้าของไข้ทันที
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบเพจของ “คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)” หวังว่าทุกท่านที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมคงได้รับประโยชน์จากเวบเพจนี้
แนะนำคลินิก
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง เป็นส่วนหนึ่งของคลินิกบ้านรักสัตว์ ตั้งขึ้นมาเพื่อให้บริการบำบัดรักษาโรคผิวหนังสัตว์ ตั้งแต่ระดับเบื้องต้น จนถึงระดับการตรวจรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน รวมทั้ง ยังให้บริการรับส่งต่อเพื่อการตรวจรักษาต่อเนื่องในรายที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังที่มีความยุ่งยากซับซ้อนจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่นอีกด้วย
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง ดำเนินการตรวจ และรักษาโดย “น.สพ. รังสรรค์ สกุลพลอย สพ.บ. Cert Vet Dermatology”
การ บริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะให้บริการด้านโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบครบวงจร ตั้งแต่โรคผิวหนังเบื้องต้น เช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิต จนถึงโรคที่ต้องการ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งหรือเนื้องอกของผิวหนัง โรคผิวหนังที่เกิดจากความบกพร่องของฮอร์โมนหรือระบบภูมิค้มกัน รวมถึงโรคติดเชื้อของผิวหนัง หูอักเสบ โรคของเท้าที่เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด
ขั้นตอนการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะกระทำในแนวทางเดียวกับที่กระทำกันในประเทศออสเตรเลีย โดยจะเน้นไปที่การเจาะลึกไปถึงสาเหตุของโรคทั้ง สาเหตุหลัก และสาเหตุที่ซ่อนอยู่ควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิการรักษาที่สูงที่สุด มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด รวมทั้งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง ดำเนินการตรวจ และรักษาโดย “น.สพ. รังสรรค์ สกุลพลอย สพ.บ. Cert Vet Dermatology”
การ บริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะให้บริการด้านโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบครบวงจร ตั้งแต่โรคผิวหนังเบื้องต้น เช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิต จนถึงโรคที่ต้องการ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งหรือเนื้องอกของผิวหนัง โรคผิวหนังที่เกิดจากความบกพร่องของฮอร์โมนหรือระบบภูมิค้มกัน รวมถึงโรคติดเชื้อของผิวหนัง หูอักเสบ โรคของเท้าที่เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด
ขั้นตอนการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะกระทำในแนวทางเดียวกับที่กระทำกันในประเทศออสเตรเลีย โดยจะเน้นไปที่การเจาะลึกไปถึงสาเหตุของโรคทั้ง สาเหตุหลัก และสาเหตุที่ซ่อนอยู่ควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิการรักษาที่สูงที่สุด มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด รวมทั้งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
การบริการของเรา
การบริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยงประกอบด้วย
· การตรวจทางเซลล์วิทยา (Cytology)
· การตรวจเชื้อรา โดยวิธี KOH preparation, Wood’s lamp examination, และ Fungal Culture
· การทดสอบการแพ้น้ำลายหมัด (Flea bite hypersensitivity testing)
· การทดสอบการเกิดโรคผิวหนังเนื่อง จากอาหาร (Adverse food reaction testing)
· การทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสาร ภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing)
· การตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังที่มี ปัญหา เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy for Dermatohistopathology)
· การทดสอบระดับฮอร์โมน เพื่อการวินิจฉัยโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน (Hormonal Assay for Skin disease due to Endocrinopathy)
· การรักษาโรคภูมิแพ้ โดยการ Immunotherapy
· การตรวจโรคหู โดยการทำ Otoscopic examination
· การรักษาโรคหูอักเสบ โดยการทำ Ear Flushing technique
· การตรวจทางเซลล์วิทยา (Cytology)
· การตรวจเชื้อรา โดยวิธี KOH preparation, Wood’s lamp examination, และ Fungal Culture
· การทดสอบการแพ้น้ำลายหมัด (Flea bite hypersensitivity testing)
· การทดสอบการเกิดโรคผิวหนังเนื่อง จากอาหาร (Adverse food reaction testing)
· การทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสาร ภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing)
· การตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังที่มี ปัญหา เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy for Dermatohistopathology)
· การทดสอบระดับฮอร์โมน เพื่อการวินิจฉัยโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน (Hormonal Assay for Skin disease due to Endocrinopathy)
· การรักษาโรคภูมิแพ้ โดยการ Immunotherapy
· การตรวจโรคหู โดยการทำ Otoscopic examination
· การรักษาโรคหูอักเสบ โดยการทำ Ear Flushing technique
ที่ตั้งคลินิก
66/36 หมู่บ้านนิศาชล ซ. บางแวก79 ถ. บางแวก (จรัลฯ13)
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
โทร. 064-253-5695
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
โทร. 064-253-5695
มือถือ 064-253-5695 (เปิดเครื่องรับสาย 8.00 น. - 20.00น.)
E-mail: allergyvet@yahoo.com
LINE : allergyskinvet
Facebook: facebook.com/allergyskinvet และ http://www.facebook.com/allergydermvet
พิกัด GPS : 13.741167,100.422598 (บนแผนที่ของ Google)
แผนที่ของคลิินิก: ให้ ก็อปปี้ "13.741167,100.422598" แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
แผนที่ของคลิินิก: ให้ ก็อปปี้ "13.741167,100.422598" แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
ติดต่อกับผมได้ที่โทร 064-253-5695
LINE : allergyskinvet และที่
Facebook: http://www.facebook.com/allergyskinvet
และ http://www.facebook.com/allergydermvet ครับ
เวลาทำการ
อาทิตย์ 13.00-20.30น.
จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00น. และ 17.00-20.30 น. (ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม หมอต้องออกไปรับลูก)
เสาร์ เฉพาะนัดล่วงหน้าเท่านั้น (ถ้าไม่มีใครนัด หมอขอปิดทำการ เพื่อพาลูกไปเที่ยว)
เนื่องจาก ปัจจุบันเจ้าของสัตว์หลายๆรายจะอยู่ไกลจากคลินิกมาก ประกอบกับช่วงนี้ตัวหมอเองมีความจำเป็นบางอย่าง ที่อาจจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อออกไปทำธุระ
จึงใคร่ขอรบกวนให้ช่วยโทรนัดล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่มาแล้วเสียเที่ยว
ทางคลินิกต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00น. และ 17.00-20.30 น. (ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม หมอต้องออกไปรับลูก)
เสาร์ เฉพาะนัดล่วงหน้าเท่านั้น (ถ้าไม่มีใครนัด หมอขอปิดทำการ เพื่อพาลูกไปเที่ยว)
เนื่องจาก ปัจจุบันเจ้าของสัตว์หลายๆรายจะอยู่ไกลจากคลินิกมาก ประกอบกับช่วงนี้ตัวหมอเองมีความจำเป็นบางอย่าง ที่อาจจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อออกไปทำธุระ
จึงใคร่ขอรบกวนให้ช่วยโทรนัดล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่มาแล้วเสียเที่ยว
ทางคลินิกต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
ติดต่อกับผมได้ที่โทร 064-253-5695
LINE : allergyskinvet และที่
Facebook: http://www.facebook.com/allergyskinvet
และ http://www.facebook.com/allergydermvet ครับ
ราคาค่าบริการสำหรับการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง
ราคาค่าบริการสำหรับโรคผิวหนังทั่วไป และโรคภูมิแพ้
+ค่าตรวจ + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่าตรวจ + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่าตรวจเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น จะแจ้งราคาให้ทราบเมื่อจำเป็นต้องทำการตรวจ
+ค่ายารักษา ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรคขี้เรื้อนรูขุมขน (สุนัขน้ำหนักตัวไม่เกิน 16 กิโลกรัม)
+ค่าตรวจทั่วไป + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่ายาที่ใช้รักษา 1,200 บาทต่อ 1 เดือน
+ค่ายาอื่นๆที่อาจต้องใช้ ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
+ค่ายารักษา ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรคขี้เรื้อนรูขุมขน (สุนัขน้ำหนักตัวไม่เกิน 16 กิโลกรัม)
+ค่าตรวจทั่วไป + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่ายาที่ใช้รักษา 1,200 บาทต่อ 1 เดือน
+ค่ายาอื่นๆที่อาจต้องใช้ ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
สำหรับท่านที่ไม่ชอบพกเงินสด 😀😀 ตอนนี้ทางคลินิกได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินโดยใช้ การโอนเงินผ่าน Promtpay, การใช้ QR Code (ไม่ค่าโอนถ้าใช้บัญชี Promptpay) และรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต(คิดค่าธรรมเนียมการใช้บัตร 3%) ได้แล้วครับ 😁😁
เส้นทางมาที่คลินิก
คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 66/36 หมู่บ้านนิศาชล ซ. บางแวก79 ถ. บางแวก (จรัลฯ13)
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
การเดินทางมาที่คลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะสามารถมาได้หลายทาง โดยถ้ามาจาก ถ.กาญจนาภิเษก ให้เลี้ยวเข้า ถ.จรัลฯ 13(บางแวก) มุ่งหน้าไปทาง ถ.จรัลสนิทวงศ์ วิ่งตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นซุ้มประตูวัดมะพร้าวเตี้ยอยู่ด้านซ้าย ให้วิ่งตามทางมาเรื่อยๆจะเห็นหมู่บ้านศุภาลัยอยู่ด้านขวา จะเห็นตึกแถวของหมู่บ้านนิศาชลอยู่ติดกับหมู่บ้านศุภาลัย ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยบางแวก79 (ซอยหมู่บ้านนิศาชล) จะเห็นเซเว่นฯ อยู่ปากปากซอย (ทางเข้าหมู่บ้าน) แล้วเตรียมชิดซ้ายหาที่จอดรถ จะเห็นป้าย “คลินิกบ้านรักสัตว์” อยู่ด้านซ้าย สามารถจอดรถได้ที่หน้าคลินิก
ถ้ามาจาก ถ.ราชพฤกษ์ ถ.พุทธมณฑลสาย1 ถ.จรัลสนิทวงศ์ หรือ ถ.เพชรเกษม48 ให้เลี้ยวเข้า ถ.จรัลฯ 13 (บางแวก) มุ่งหน้าไปทาง ถ.กาญจนาภิเษก วิ่งตามทางมาเรื่อยๆจนข้ามสะพานข้ามคลองราชมนตรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยบางแวก79 (ซอยหมู่บ้านนิศาชล) จะเห็นเซเว่นฯ อยู่ปากปากซอย (ทางเข้าหมู่บ้าน) แล้วเตรียมชิดซ้ายหาที่จอดรถ จะเห็นป้าย “คลินิกบ้านรักสัตว์” อยู่ด้านซ้าย สามารถจอดรถได้ที่หน้าคลินิก
พิกัด GPS : 13.741167,100.422598 (บนแผนที่ของ Google)
แผนที่ของคลินิก: ให้ ก็อปปี้ 13.741167,100.422598 แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
การเตรียมตัวพาสัตว์เลี้ยงเพื่อรับการตรวจโรคผิวหนังกับทางคลินิกบ้านรักสัตว์
เพื่อที่จะเป็นการประหยัดเวลา และลดการใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องมีแก่เจ้าของสัตว์ป่วย
* คนที่พาสุนัขมารับการตรวจ และรักษา ควรเป็นเจ้าของสัตว์ป่วย หรือผู้ที่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการการยอมรับการรักษาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากโรคผิวหนังมัก ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่นาน มักต้องการการตรวจหลายครั้ง และต้องการการสื่อสารที่ดี เพื่อการอธิบายถึงปัญหาต่างๆของตัวโรค และแผนการรักษาที่ชัดเจน และไม่คลุมเคลือ
* กรุณาอย่าให้คนอื่น หรือคนรับใช้ที่ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เป็นคนพามาตรวจ และรับการรักษาแทน เพื่อป้องกันความผิดพลาดเนื่องจาก การสื่อสาร
* งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
* งดทำความสะอาดหูสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
*กรุณาอย่าใช้ยาทาที่เป็นสีต่างๆ ซึ่งล้างออกยาก เช่น ยาม่วง ยาเหลือง ยาแดง เนื่องยากลุ่มนี้จะบังแผล แผลรอยโรคต่างๆ และรบกวนการย้อมสีตัวอย่าง
* ถ้ามียาที่ต้องให้กิน หรือฉีดที่ต้องใช้อยู่ ณ เวลาที่ต้องการพามาตรวจ (ซึ่งได้รับมาจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่น) กรุณาอย่างดยา และแจ้งให้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ทราบทุกครั้ง
*สำหรับในกรณีที่พาแมวมา กรุณาใส่กรง หรือตระกร้าที่ปิดล๊อคได้มา เพื่อความปลอดภัยของแมว และตัวเจ้าของแมวเอง
* ควรโทรนัดล่วงหน้า
*ควรให้เวลากับทางคลินิก 1-2 ชั่วโมงเพื่อ การตรวจ รักษา และให้คำแนะนำได้เต็มที่
* เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ท่านเจ้าของสัตว์ป่วย กรุณากรอกแบบสอบถามโดยการคลิกที่ Label ทางด้านขวา หรือดาวน์โหลดได้จาก
https://docs.google.com/document/d/1u2LAH4cKOLi6Pvrdp5Bzyaq49q4OWS9-smhix7oKoNc/edit
โดยให้ Save เป็นไฟล์ของ Word แล้วกรอกแบบสอบถาม จากนั้นสามารถส่งได้โดยการปริ๊นท์ออกมาแล้วนำมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง หรือส่งมาทาง email หรืออัปโหลดขึ้น google docs แล้วแจ้งลิงค์มาทาง
http://www.facebook.com/Allergyskinvet หรือ http://www.facebook.com/allergydermvet ก็ได้
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
* คนที่พาสุนัขมารับการตรวจ และรักษา ควรเป็นเจ้าของสัตว์ป่วย หรือผู้ที่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการการยอมรับการรักษาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากโรคผิวหนังมัก ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่นาน มักต้องการการตรวจหลายครั้ง และต้องการการสื่อสารที่ดี เพื่อการอธิบายถึงปัญหาต่างๆของตัวโรค และแผนการรักษาที่ชัดเจน และไม่คลุมเคลือ
* กรุณาอย่าให้คนอื่น หรือคนรับใช้ที่ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เป็นคนพามาตรวจ และรับการรักษาแทน เพื่อป้องกันความผิดพลาดเนื่องจาก การสื่อสาร
* งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
* งดทำความสะอาดหูสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
*กรุณาอย่าใช้ยาทาที่เป็นสีต่างๆ ซึ่งล้างออกยาก เช่น ยาม่วง ยาเหลือง ยาแดง เนื่องยากลุ่มนี้จะบังแผล แผลรอยโรคต่างๆ และรบกวนการย้อมสีตัวอย่าง
* ถ้ามียาที่ต้องให้กิน หรือฉีดที่ต้องใช้อยู่ ณ เวลาที่ต้องการพามาตรวจ (ซึ่งได้รับมาจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่น) กรุณาอย่างดยา และแจ้งให้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ทราบทุกครั้ง
*สำหรับในกรณีที่พาแมวมา กรุณาใส่กรง หรือตระกร้าที่ปิดล๊อคได้มา เพื่อความปลอดภัยของแมว และตัวเจ้าของแมวเอง
* ควรโทรนัดล่วงหน้า
*ควรให้เวลากับทางคลินิก 1-2 ชั่วโมงเพื่อ การตรวจ รักษา และให้คำแนะนำได้เต็มที่
* เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ท่านเจ้าของสัตว์ป่วย กรุณากรอกแบบสอบถามโดยการคลิกที่ Label ทางด้านขวา หรือดาวน์โหลดได้จาก
https://docs.google.com/document/d/1u2LAH4cKOLi6Pvrdp5Bzyaq49q4OWS9-smhix7oKoNc/edit
โดยให้ Save เป็นไฟล์ของ Word แล้วกรอกแบบสอบถาม จากนั้นสามารถส่งได้โดยการปริ๊นท์ออกมาแล้วนำมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง หรือส่งมาทาง email หรืออัปโหลดขึ้น google docs แล้วแจ้งลิงค์มาทาง
http://www.facebook.com/Allergyskinvet หรือ http://www.facebook.com/allergydermvet ก็ได้
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
Tuesday, July 27, 2010
ลาทีกับกลิ่นเหม็นๆของน้องหมาตัวตุๆ
ลาทีกับกลิ่นเหม็นๆของน้องหมาตัวตุๆ
กลิ่นไม่พึงประสงค์ของสุนัขอาจเกิดจากหลายสาเหตุ และพบได้ในหลายที่ เช่น หู จมูก ปาก หรือผิวหนัง เจ้าของควรตรวจดูก่อนว่าต้นตอของกลิ่นมาจากที่ใด
+ ถ้ากลิ่นมาจากจมูก หู หรือปาก ให้พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษา
+ สำหรับกลิ่นที่มาจากผิวหนัง ให้พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษาโรคผิวหนัง ถ้าสัตวแพทย์ตรวจแล้วว่าผิวหนังปกติดี (ถามคุณหมอที่ตรวจด้วยว่า ชัวร์หรือปล่าว แล้วหมอตอบว่าชัวร์ด้วย) ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ขอแนะนำ ให้ทดลองใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์ (หาซื้อได้ที่ร้านขายาทั่วไป) จำนวน960 ซีซี ผสมกับ ผงโซดาทำขนมปังหรือผงฟู (หาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เกต หรือร้านขายอุปกรณืทำขนมปังทั่วไป)1/4 ถ้วยตวง และสบู่เหลวสำหรับเด็กอ่อน 5 ซีซี ชโลมให้ทั่วตัวสุนัขทันที แล้วล้างออกให้หมด
ข้อควรระวัง
ให้ผสมส่วนผสมในภาชนะปากกว้างเช่น ขัน หรือชามเท่านั้น ห้ามใส่ส่วนผสมในภาชนะปิด เพราะมันจะระเบิดอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหนักได้ เพราะการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กับผงฟู จะทำให้เกิดออกซิเจนปริมาณมากอย่างรวดเร็ว จนทำให้ภาชนะที่บรรจุระเบิดได้ อย่างไรก็ตาม ออกซิเจนที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวทำลายกลิ่นตัวได้ดีมากๆ ถึงดีที่สุด
ให้ใช้กับสุนัขปกติที่ไม่มีปัญหาโรคผิวหนังเท่านั้น ถ้าใช้ดับกลิ่นจากโรคผิวหนัง อาจทำให้โรคผิวหนังที่เป็นอยู่ เป็นหนักขึ้นได้ (จากประสบการณ์การทดลองใช้ของผู้เขียนเอง)
ผสมผงฟูกับสบู่เหลวก่อน แล้วค่อยผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ขอขอบคุณคนคิดค้นสูตรนี้คือ Paul Krebaum ผู้ซึ่งทำให้สุนัขหลายๆตัวได้กลับเข้าอยู่ในตัวบ้าน หลังจากถูกไล่ไปอยู่ข้างนอกเพราะมีกลิ่นตุๆ
กลิ่นไม่พึงประสงค์ของสุนัขอาจเกิดจากหลายสาเหตุ และพบได้ในหลายที่ เช่น หู จมูก ปาก หรือผิวหนัง เจ้าของควรตรวจดูก่อนว่าต้นตอของกลิ่นมาจากที่ใด
+ ถ้ากลิ่นมาจากจมูก หู หรือปาก ให้พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษา
+ สำหรับกลิ่นที่มาจากผิวหนัง ให้พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษาโรคผิวหนัง ถ้าสัตวแพทย์ตรวจแล้วว่าผิวหนังปกติดี (ถามคุณหมอที่ตรวจด้วยว่า ชัวร์หรือปล่าว แล้วหมอตอบว่าชัวร์ด้วย) ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ขอแนะนำ ให้ทดลองใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์ (หาซื้อได้ที่ร้านขายาทั่วไป) จำนวน960 ซีซี ผสมกับ ผงโซดาทำขนมปังหรือผงฟู (หาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เกต หรือร้านขายอุปกรณืทำขนมปังทั่วไป)1/4 ถ้วยตวง และสบู่เหลวสำหรับเด็กอ่อน 5 ซีซี ชโลมให้ทั่วตัวสุนัขทันที แล้วล้างออกให้หมด
ข้อควรระวัง
ให้ผสมส่วนผสมในภาชนะปากกว้างเช่น ขัน หรือชามเท่านั้น ห้ามใส่ส่วนผสมในภาชนะปิด เพราะมันจะระเบิดอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหนักได้ เพราะการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กับผงฟู จะทำให้เกิดออกซิเจนปริมาณมากอย่างรวดเร็ว จนทำให้ภาชนะที่บรรจุระเบิดได้ อย่างไรก็ตาม ออกซิเจนที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวทำลายกลิ่นตัวได้ดีมากๆ ถึงดีที่สุด
ให้ใช้กับสุนัขปกติที่ไม่มีปัญหาโรคผิวหนังเท่านั้น ถ้าใช้ดับกลิ่นจากโรคผิวหนัง อาจทำให้โรคผิวหนังที่เป็นอยู่ เป็นหนักขึ้นได้ (จากประสบการณ์การทดลองใช้ของผู้เขียนเอง)
ผสมผงฟูกับสบู่เหลวก่อน แล้วค่อยผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ขอขอบคุณคนคิดค้นสูตรนี้คือ Paul Krebaum ผู้ซึ่งทำให้สุนัขหลายๆตัวได้กลับเข้าอยู่ในตัวบ้าน หลังจากถูกไล่ไปอยู่ข้างนอกเพราะมีกลิ่นตุๆ
Monday, July 26, 2010
โรคหิดสุนัข (Sarcoptic Mange ,Scabies)
โรคหิดสุนัข (Sarcoptic Mange ,Scabies)
โรคหิดสุนัข หรือบางคนว่าโรคขี้เรื้อนแห้ง หรือโรคขี้เรื้อนซาร์คอปติค เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดไรที่เรียกว่า Sarcoptes scabiei หรือไรหิดซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องดูโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์เท่านั้น สุนัขที่ติดไรชนิดนี้จะมีอาการเกา และคันอย่างรุนแรงเนื่องจากการเกิดผิวหนังอักเสบซึ่งเป็นผลจากการที่ไรตัวเมียจะขุดโพรงที่หนังกำพร้าชั้นนอกเพื่อวางไข่ และปล่อยสารบางอย่างมาทำปฏิกิริยากับตัวผิวหนัง โดยทั่วไปไรตัวโตเต็มวัยจะมีอายุขัย 3-4 สัปดาห์เมื่ออาสัยบนผิวหนัง และตัวเมียจะวางไข่ในโพรงที่ขุดประมาณ 3-4 ใบต่อโพรง ซึ่งไข่ที่ออกมาจะฟักตัวในอีก 3-10 วัน
อาการเกาและคันอย่างรุนแรง คือลักษระเด่นของสุนัขที่เป็นโรคนี้ โรคนี้จัดได้ว่าเป็นโรคที่เกาคันอย่างรุนแรงที่สุดโรคหนึ่งของสุนัข โดยอาการคันมักพบได้ในบริเวณที่ปลอดขนบนตัวสุนัข ขอบของใบหู ศอก และใต้ท้องคือบริเวณที่ตัวไรชอบอาศัยอยู่ อาการคัน และบริเวณที่ชอบแสดงอาการคันของสุนัขที่เป็นโรคนี้ มักทำให้สัตวแพทย์หลายๆท่านหลงทางโดยจะไปสับสนกับโรคภูมิแพ้ได้
โรคนี้เป็นโรคติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ตัวอื่นๆที่เป็นโรคนี้ ดังนั้นถ้ามีสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้เพียงแค่ตัวเดียว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ขอแนะนำว่าควรที่ต้องให้การรักษาทุกตัวในบ้านด้วย และของใช้ควรจะต้องทำความสะอาด หรือเปลี่ยนด้วย
การวินิจฉัย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะใช้วิธีการขูดผิวหนัง ร่วมกับการให้ยาทดสอบ ส่วนการรักษาทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะใช้ยาอาบ ยาฉีด ยากิน หรือยาหยดหลังขึ้นกับสุนัขแต่ละตัว และความพร้อม และความสะดวกของตัวเจ้าของสัตว์แต่ละคน ซึ่งทางคลินิกจะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละกรณีไป
โรคหิดสุนัข หรือบางคนว่าโรคขี้เรื้อนแห้ง หรือโรคขี้เรื้อนซาร์คอปติค เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดไรที่เรียกว่า Sarcoptes scabiei หรือไรหิดซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องดูโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์เท่านั้น สุนัขที่ติดไรชนิดนี้จะมีอาการเกา และคันอย่างรุนแรงเนื่องจากการเกิดผิวหนังอักเสบซึ่งเป็นผลจากการที่ไรตัวเมียจะขุดโพรงที่หนังกำพร้าชั้นนอกเพื่อวางไข่ และปล่อยสารบางอย่างมาทำปฏิกิริยากับตัวผิวหนัง โดยทั่วไปไรตัวโตเต็มวัยจะมีอายุขัย 3-4 สัปดาห์เมื่ออาสัยบนผิวหนัง และตัวเมียจะวางไข่ในโพรงที่ขุดประมาณ 3-4 ใบต่อโพรง ซึ่งไข่ที่ออกมาจะฟักตัวในอีก 3-10 วัน
อาการเกาและคันอย่างรุนแรง คือลักษระเด่นของสุนัขที่เป็นโรคนี้ โรคนี้จัดได้ว่าเป็นโรคที่เกาคันอย่างรุนแรงที่สุดโรคหนึ่งของสุนัข โดยอาการคันมักพบได้ในบริเวณที่ปลอดขนบนตัวสุนัข ขอบของใบหู ศอก และใต้ท้องคือบริเวณที่ตัวไรชอบอาศัยอยู่ อาการคัน และบริเวณที่ชอบแสดงอาการคันของสุนัขที่เป็นโรคนี้ มักทำให้สัตวแพทย์หลายๆท่านหลงทางโดยจะไปสับสนกับโรคภูมิแพ้ได้
โรคนี้เป็นโรคติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ตัวอื่นๆที่เป็นโรคนี้ ดังนั้นถ้ามีสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้เพียงแค่ตัวเดียว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ขอแนะนำว่าควรที่ต้องให้การรักษาทุกตัวในบ้านด้วย และของใช้ควรจะต้องทำความสะอาด หรือเปลี่ยนด้วย
การวินิจฉัย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะใช้วิธีการขูดผิวหนัง ร่วมกับการให้ยาทดสอบ ส่วนการรักษาทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะใช้ยาอาบ ยาฉีด ยากิน หรือยาหยดหลังขึ้นกับสุนัขแต่ละตัว และความพร้อม และความสะดวกของตัวเจ้าของสัตว์แต่ละคน ซึ่งทางคลินิกจะพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละกรณีไป
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
การรักษาผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังค่อนข้างมาก เพราะสัตว์ป่วยแต่ละตัวจะตอบต่อการรักษา และทนต่อผลข้างข้างการรักษาไม่เหมือนกัน สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษาจำเป็นต้อง ปรับการรักษาให้เหมาะสมกับสัตว์ป่วยแต่ละตัวเป็นรายๆไป ซึ่งข้อสำคัญที่ควรรู้อีกข้อสำหรับโรคภูมิแพ้ก็คือ ในเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาดได้ ไม่ว่าในคนหรือสัตว์ก็ตาม และโรคนี้เป็นตลอดชีวิต การรักษาในปัจจุบัน เราจะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดอาการของโรค และทำให้คุณภาพชีวิตของเจ้าของสัตว์ และตัวสัตว์ป่วยเองให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะมีการสร้างโปรแกรมการบำบัดรักษาให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่าย และวิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการควบคุมโรคนี้
เราสามารถแบ่งการรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศออกได้เป็น 3 แบบ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งในการรักษา หรือเลือกใช้มากกว่าหนึ่งแบบก็ได้ขึ้นกับความเหมาะสม
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศออกทั้ง 3 แบบ มีดังนี้
1. การใช้ยา: เป็นวิธีที่ใช้เพื่อเฉพาะหน้าบรรเทาความทรมานจากอาการคัน และใช้ในการควบคุมอาการคัน ในกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีการรักษาแบบอื่นได้ ซึ่งยาที่ใช้มีดังนี้
(a) ยากลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน เราพบว่าสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศประมาณ 20% จะตอบสนองต่อการใช้ยาในกลุ่มนี้ ยาในกลุ่มนี้หลายๆตัวมีความปลอดภัยสูง แต่สัตว์ป่วยแต่ละตัวจะตอบสนองต่อยาแต่ละตัวไม่เหมือนกัน สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือเลือกใช้มากกว่าหนึ่งตัวก็ได้ขึ้นกับการตอบสนองต่อการรักษาของสัตว์ป่วยแต่ละตัว ข้อจำกัดของการใช้กลุ่มนี้คือ ยังมีสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศอีก 80% ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาในกลุ่มนี้
(b) ยากลุ่มสเตียรอยด์ชนิดกิน ยาในกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงสูง จึงควรใช้ในสัตว์ป่วยที่โตเต็มที่แล้ว และใช้เพื่อควบคุมอาการเฉพาะหน้าในระยะสั้นๆ หรือเป็นวิธีสุดท้ายจริงๆเท่านั้น ซึ่งโดยทางทฤษฎี การใช้ยากลุ่มนี้เพื่อควบคุมอาการคันในระยะยาวๆ ควรทำภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังเท่านั้น
(c) ยากลุ่มสเตียรอยด์ชนิดทา ยาในกลุ่มนี้จะปลอดภัยกว่าชนิดกิน แต่เหมาะสำหรับสัตว์ที่ปัญหาเป็นบริเวณเล็กๆเท่านั้น ไม่เหมาะกับบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วตัว
(d) ยาไซโคลสปอริน เป็นยากดภูมิกันที่ใช้ในคนที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เราพบว่าสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศประมาณ 60% ให้ผลการตอบสนองค่อนข้างดีด้วยการใช้ยาตัวนี้ ยาตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยในการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่วนการใช้ยาตัวนี้เป็นระยะเวลานาน หรือตลอดชีวิต ยังไม่มีรายงานที่น่าเชื่อถือได้ในเรื่องความปลอดภัย และผลข้างเคียง ผลข้างเคียงจากการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาสั้นๆได้แก่ อาเจียน และท้องเสีย แต่ข้อจำกัดที่สำคัญจริงๆของการเลือกใช้ยาตัวนี้คือ ราคาของยาที่ค่อนข้างสูงมากๆ
(e) ยาทาโครลิมัส และพิเมโครลิมัส เป็นยากดภูมิกันชนิดทา เหมาะสำหรับสัตว์ที่ปัญหาเป็นบริเวณเล็กๆเท่านั้น ไม่เหมาะกับบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วตัว เช่นเดียวกับยาไซโครสปอริน ข้อจำกัดที่สำคัญของการเลือกใช้ยาตัวนี้คือ ราคาของยาที่ค่อนข้างสูงมาก ( ตก 900-1000 บาทต่อยา 1 หลอดขนาด 5 กรัม)
2. การหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ เป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุดในทางทฤษฎี แต่ทำได้ลำบาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สามารถทำได้อาจช่วยได้มากในกรณีที่ผลตรวจออกมาว่าแพ้ไรฝุ่น หรือละอองเกสร โดยถ้าแพ้ละอองเกสร เราสามารถหลีกเลี่ยงการได้รับละอองเกสรโดย ให้อยู่ในห้องปรับอากาศที่มีการติดตั้งไส้กรองอากาศที่สามารถกรองละอองเกสรได้ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเช้าตรู่ ตอนเย็นใกล้ค่ำ เวลาน้ำค้างลง หรือขณะตัวเปียก และควรเช็ดตัวสัตว์ด้วยผ้าเปียกหมาดๆทุกครั้งหลังกลับมาจากข้างนอกเพื่อเช็ดเอาสารก่อภูมิแพ้ออก และอาบน้ำบ่อยๆ ส่วนในกรณีที่แพ้ไรฝุ่น ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในเรื่อง “การหลีกเลี่ยงจากการสัมผัสไรฝุ่น”
3. การใช้วัคซีนเพื่อการลดอาการภูมิแพ้ (Immunotherapy) วิธีนี้เป็นวิธีที่สัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังทั่วโลกเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการภูมิแพ้ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และให้ผลการรักษาที่น่าพอใจ โดยสุนัข 60-80% จะดีขึ้นหลังการได้รับวัคซีน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ก็มีความเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการภูมิแพ้เช่นกัน โดยสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังจะผลิตวัคซีนที่เฉพาะเจาะจงกับสัตว์ป่วยแต่ละตัว โดยอาศัยผลการทดสอบหาสารภูมิแพ้ของสัตว์ป่วยตัวนั้นๆ โดยทั่วไปการรักษาโดยวิธีนี้จะทำตลอดชีวิต ข้อเสียเปรียบของวิธีนี้คือ ใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล และถ้าหลังจาก 9-12 เดือนแล้วยังไม่มีการตอบสนอง อาจต้องตรวจหาสารภูมิแพ้ของสัตว์ป่วยใหม่ และเริ่มกระบวนการรักษาใหม่
สำหรับการดูแลสัตว์ป่วยที่ควรทำคู่ไปกับการรักษามีดังนี้
1. การเสริมกรดไขมัน (Fatty Acid Supplements) เราพบว่ากรดไขมันในน้ำมันบางชนิด จะสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดอาการภูมิแพ้ในสัตว์ป่วยหลายๆตัว เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยากลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน น้ำมันเหล่าได้แก่ น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวันสูตรหีบเย็น น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นต้น
2. การอาบน้ำ จะช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ผิวหนังสัตว์ป่วยออกไป แต่ทว่าผิวหนังของสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศจะค่อนข้างเปราะบางและแห้ง จึงจำเป็นต้องใช้แชมพูพิเศษและวิธีการอาบน้ำเหมาะสมเท่านั้น สำหรับรายละเอียดของการเลือกแชมพู และวิธีการอาบน้ำสำหรับสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)
3. การควบคุมและกำจัดหมัด ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศหลายๆราย มักจะมีการแพ้น้ำลายหมัดร่วมด้วย หรือไม่ก็ตัวน้ำลายหมัดเป็นตัวเสริมฤทธิ์ให้อาการโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศให้รุนแรงขึ้น ดังนั้นการควบคุมและกำจัดหมัดจึงเป็นการช่วยลด หรือจำกัดความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ สำหรับรายละเอียดของการควบคุม และกำจัดหมัด กรุณาติดตามอ่านได้ในเรื่อง “การควบคุม และกำจัดหมัด”
เราสามารถแบ่งการรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศออกได้เป็น 3 แบบ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งในการรักษา หรือเลือกใช้มากกว่าหนึ่งแบบก็ได้ขึ้นกับความเหมาะสม
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศออกทั้ง 3 แบบ มีดังนี้
1. การใช้ยา: เป็นวิธีที่ใช้เพื่อเฉพาะหน้าบรรเทาความทรมานจากอาการคัน และใช้ในการควบคุมอาการคัน ในกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีการรักษาแบบอื่นได้ ซึ่งยาที่ใช้มีดังนี้
(a) ยากลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน เราพบว่าสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศประมาณ 20% จะตอบสนองต่อการใช้ยาในกลุ่มนี้ ยาในกลุ่มนี้หลายๆตัวมีความปลอดภัยสูง แต่สัตว์ป่วยแต่ละตัวจะตอบสนองต่อยาแต่ละตัวไม่เหมือนกัน สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือเลือกใช้มากกว่าหนึ่งตัวก็ได้ขึ้นกับการตอบสนองต่อการรักษาของสัตว์ป่วยแต่ละตัว ข้อจำกัดของการใช้กลุ่มนี้คือ ยังมีสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศอีก 80% ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาในกลุ่มนี้
(b) ยากลุ่มสเตียรอยด์ชนิดกิน ยาในกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงสูง จึงควรใช้ในสัตว์ป่วยที่โตเต็มที่แล้ว และใช้เพื่อควบคุมอาการเฉพาะหน้าในระยะสั้นๆ หรือเป็นวิธีสุดท้ายจริงๆเท่านั้น ซึ่งโดยทางทฤษฎี การใช้ยากลุ่มนี้เพื่อควบคุมอาการคันในระยะยาวๆ ควรทำภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังเท่านั้น
(c) ยากลุ่มสเตียรอยด์ชนิดทา ยาในกลุ่มนี้จะปลอดภัยกว่าชนิดกิน แต่เหมาะสำหรับสัตว์ที่ปัญหาเป็นบริเวณเล็กๆเท่านั้น ไม่เหมาะกับบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วตัว
(d) ยาไซโคลสปอริน เป็นยากดภูมิกันที่ใช้ในคนที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เราพบว่าสัตว์ที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศประมาณ 60% ให้ผลการตอบสนองค่อนข้างดีด้วยการใช้ยาตัวนี้ ยาตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยในการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่วนการใช้ยาตัวนี้เป็นระยะเวลานาน หรือตลอดชีวิต ยังไม่มีรายงานที่น่าเชื่อถือได้ในเรื่องความปลอดภัย และผลข้างเคียง ผลข้างเคียงจากการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาสั้นๆได้แก่ อาเจียน และท้องเสีย แต่ข้อจำกัดที่สำคัญจริงๆของการเลือกใช้ยาตัวนี้คือ ราคาของยาที่ค่อนข้างสูงมากๆ
(e) ยาทาโครลิมัส และพิเมโครลิมัส เป็นยากดภูมิกันชนิดทา เหมาะสำหรับสัตว์ที่ปัญหาเป็นบริเวณเล็กๆเท่านั้น ไม่เหมาะกับบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วตัว เช่นเดียวกับยาไซโครสปอริน ข้อจำกัดที่สำคัญของการเลือกใช้ยาตัวนี้คือ ราคาของยาที่ค่อนข้างสูงมาก ( ตก 900-1000 บาทต่อยา 1 หลอดขนาด 5 กรัม)
2. การหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ เป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุดในทางทฤษฎี แต่ทำได้ลำบาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สามารถทำได้อาจช่วยได้มากในกรณีที่ผลตรวจออกมาว่าแพ้ไรฝุ่น หรือละอองเกสร โดยถ้าแพ้ละอองเกสร เราสามารถหลีกเลี่ยงการได้รับละอองเกสรโดย ให้อยู่ในห้องปรับอากาศที่มีการติดตั้งไส้กรองอากาศที่สามารถกรองละอองเกสรได้ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเช้าตรู่ ตอนเย็นใกล้ค่ำ เวลาน้ำค้างลง หรือขณะตัวเปียก และควรเช็ดตัวสัตว์ด้วยผ้าเปียกหมาดๆทุกครั้งหลังกลับมาจากข้างนอกเพื่อเช็ดเอาสารก่อภูมิแพ้ออก และอาบน้ำบ่อยๆ ส่วนในกรณีที่แพ้ไรฝุ่น ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในเรื่อง “การหลีกเลี่ยงจากการสัมผัสไรฝุ่น”
3. การใช้วัคซีนเพื่อการลดอาการภูมิแพ้ (Immunotherapy) วิธีนี้เป็นวิธีที่สัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังทั่วโลกเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการภูมิแพ้ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง และให้ผลการรักษาที่น่าพอใจ โดยสุนัข 60-80% จะดีขึ้นหลังการได้รับวัคซีน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ก็มีความเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการภูมิแพ้เช่นกัน โดยสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังจะผลิตวัคซีนที่เฉพาะเจาะจงกับสัตว์ป่วยแต่ละตัว โดยอาศัยผลการทดสอบหาสารภูมิแพ้ของสัตว์ป่วยตัวนั้นๆ โดยทั่วไปการรักษาโดยวิธีนี้จะทำตลอดชีวิต ข้อเสียเปรียบของวิธีนี้คือ ใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล และถ้าหลังจาก 9-12 เดือนแล้วยังไม่มีการตอบสนอง อาจต้องตรวจหาสารภูมิแพ้ของสัตว์ป่วยใหม่ และเริ่มกระบวนการรักษาใหม่
สำหรับการดูแลสัตว์ป่วยที่ควรทำคู่ไปกับการรักษามีดังนี้
1. การเสริมกรดไขมัน (Fatty Acid Supplements) เราพบว่ากรดไขมันในน้ำมันบางชนิด จะสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดอาการภูมิแพ้ในสัตว์ป่วยหลายๆตัว เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยากลุ่มแอนตี้ฮีสตามีน น้ำมันเหล่าได้แก่ น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวันสูตรหีบเย็น น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นต้น
2. การอาบน้ำ จะช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ผิวหนังสัตว์ป่วยออกไป แต่ทว่าผิวหนังของสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศจะค่อนข้างเปราะบางและแห้ง จึงจำเป็นต้องใช้แชมพูพิเศษและวิธีการอาบน้ำเหมาะสมเท่านั้น สำหรับรายละเอียดของการเลือกแชมพู และวิธีการอาบน้ำสำหรับสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)
3. การควบคุมและกำจัดหมัด ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในสัตว์ที่มีปัญหารักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศหลายๆราย มักจะมีการแพ้น้ำลายหมัดร่วมด้วย หรือไม่ก็ตัวน้ำลายหมัดเป็นตัวเสริมฤทธิ์ให้อาการโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศให้รุนแรงขึ้น ดังนั้นการควบคุมและกำจัดหมัดจึงเป็นการช่วยลด หรือจำกัดความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ สำหรับรายละเอียดของการควบคุม และกำจัดหมัด กรุณาติดตามอ่านได้ในเรื่อง “การควบคุม และกำจัดหมัด”
โรครูขุมขนอักเสบ และถูกทำลายจากเชื้อแบคทีเรีย
โรครูขุมขนอักเสบ และถูกทำลายจากเชื้อแบคทีเรียเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Staphylococcus intermedius ซึ่งโดยปกติแล้ว แบคทีเรียชนิดนี้จะไม่ทำให้เกิดโรคของผิวหนัง ยกเว้นในรายที่มีปัญหาโรคผิวหนังโรคอื่นๆมาก่อน แบคทีเรียชนิดนี้จึงก่อให้เกิดโรคได้โดยการซ้ำเติม ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าโรคที่สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้แก่ กลุ่มโรคภูมิแพ้ (การแพ้น้ำลายของหมัด การแพ้สารภูมิแพ้ในอากาศ การแพ้สารภูมิแพ้ในอาหาร และการแพ้สัมผัส) ปรสิตของผิวหนัง (ไรขี้เรื้อนรูขุมขน และไรตระกูลหิด) ซีบอเรีย และความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ โรคเหล่านี้มักเป็นตัวการทำให้เกิดการกลับมาของการติดเชื้อแบคทีเรียใหม่ เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด
เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักมีโรคอื่นนำมาก่อน การตรวจหา และการรักษาโรคโน้มนำไปพร้อมกับการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จะใช้ยาปฏิชีวนะ สเปรย์ ยาอาบ และแชมพูชนิดพิเศษในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
การติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง ถ้าติดเชื้อในชั้นลึกๆ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นระยะนานๆ (อย่างน้อย 10-12 สัปดาห์ หรือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากอาการภายนอกหายไป) สิ่งที่สำคัญคือต้องให้ยาอย่างเต็มขนาดตลอดระยะเวลาของการรักษาไม่ว่าผิวหนังจะดีขึ้นแค่ใหน การใช้ยาไม่เต็มขนาด หรือหยุดยาก่อนกำหนด มักทำให้เกิดปัญหาต่างตามมาอาทิ การดื้อยาปฏิชีวนะ หรือต้องกลับไปเริ่มกระบวนการตรวจ และรักษาใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลา และค่าใช้จ่าย ที่สำคัญอีกประการคือ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าควรทำการรักษาโรคผิวหนังอื่นที่เหนี่ยวนำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด และประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายที่สุด
ควรพาสัตว์เลี้ยงของท่านเข้ารับการตรวจซ้ำตามที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ได้นัดหมายไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จะได้ปรับแผนการรักษาที่จำเป็นบางอย่างได้ สิ่งสำคัญที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ต้องขอย้ำอีกครั้งคือการตรวจหา และการทำการรักษาโรคที่เหนี่ยวนำการติดเชื้อแบคทีเรียคือ กุญแจสำคัญในการป้องไม่ให้การติดเชื้อแบคทีเรียกลับมาเป็นใหม่
เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักมีโรคอื่นนำมาก่อน การตรวจหา และการรักษาโรคโน้มนำไปพร้อมกับการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จะใช้ยาปฏิชีวนะ สเปรย์ ยาอาบ และแชมพูชนิดพิเศษในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
การติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง ถ้าติดเชื้อในชั้นลึกๆ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นระยะนานๆ (อย่างน้อย 10-12 สัปดาห์ หรือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากอาการภายนอกหายไป) สิ่งที่สำคัญคือต้องให้ยาอย่างเต็มขนาดตลอดระยะเวลาของการรักษาไม่ว่าผิวหนังจะดีขึ้นแค่ใหน การใช้ยาไม่เต็มขนาด หรือหยุดยาก่อนกำหนด มักทำให้เกิดปัญหาต่างตามมาอาทิ การดื้อยาปฏิชีวนะ หรือต้องกลับไปเริ่มกระบวนการตรวจ และรักษาใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลา และค่าใช้จ่าย ที่สำคัญอีกประการคือ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าควรทำการรักษาโรคผิวหนังอื่นที่เหนี่ยวนำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด และประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายที่สุด
ควรพาสัตว์เลี้ยงของท่านเข้ารับการตรวจซ้ำตามที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ได้นัดหมายไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)จะได้ปรับแผนการรักษาที่จำเป็นบางอย่างได้ สิ่งสำคัญที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ต้องขอย้ำอีกครั้งคือการตรวจหา และการทำการรักษาโรคที่เหนี่ยวนำการติดเชื้อแบคทีเรียคือ กุญแจสำคัญในการป้องไม่ให้การติดเชื้อแบคทีเรียกลับมาเป็นใหม่
โรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ (CANINE ATOPIC DERMATITIS)
โรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ หรือบางคนเรียกว่าโรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ (Canine atopic dermatitis, allergic dermatitis, canine atopy) เป็นอาการของโรคภูมิแพ้ที่เกี่ยวเนื่องกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ โดยจะแสดงปฏิกิริยาภูมิแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น หรือเกสร ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าสุนัขที่มีปัญหามักจะแสดงอาการครั้งแรกในช่วงอายุระหว่าง 1-3 ปี เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวเนื่องกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ ดังนั้นจึงพบโรคนี้ได้มากในสุนัขพันธุ์ โกลเด้นรีทีฟเวอร์ โอลอิงลิชชีพดอก ไอริชเซทเทอร์ ลาซาแอปโซ ดัลเมเชี่ยน บุลดอก และ พวกสายพันธุ์เทอร์เรียร์ มากเป็นพิเศษ แต่ทว่าเราพบโรคนี้ได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ผสมเช่นกัน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เราพบอุบัติการณ์ของโรคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั้งในคน และสัตว์
สัตว์ที่มีปัญหาของโรคนี้จะแสดงอาการถู เลีย แทะ หรือเกา บริเวณเท้า หน้า หู รักแร้หรือโคนขาหนีบ ซึ่งทำให้ขนร่วง ผิวหนังแดง และหนาตัวขึ้นตามมา ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในบางราย สัตว์ที่มีปัญหาคันมักเกิดจากหลายๆสาเหตุรวมกัน โดยที่ถ้าสัตว์ป่วยตัวนั้นมีปัญหาโรคภูมิแพ้เพียงอย่างเดียว อาจยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดอาการคัน โรคที่มักเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้ แล้วเสริมฤทธิ์กันเพื่อให้อาการคันมากขึ้นที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบอยู่บ่อยๆได้แก่ การแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ การแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร การแพ้น้ำลายหมัด ปรสิตของผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือยีสต์ ซึ่งการกำจัดบางปัญหาที่มีอยู่ในสัตว์ป่วยตัวนี้ออกไป อาจทำให้สัตว์ป่วยตัวนี้หยุดคันได้ ดังนั้นในการจัดการกับโรคภูมิแพ้จึงจำเป็นต้อง จัดการกับปัญหาอื่นๆที่เกิดร่วมกันออกไปด้วย จึงจะได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศค่อนข้างยุ่งยาก และใช้เวลา โดยอาศัยข้อมูลประวัติของโรคผิวหนัง อาการที่แสดงออก ร่วมกับการประเมินอาการคันที่เหลืออยู่ หลังจากการจำกัดการได้รับน้ำลายหมัด และการจำกัดการแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอาหารโดยสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนัง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งจากตัวสัตว์ป่วย เจ้าของสัตว์และทุกคนในบ้าน รวมทั้งสัตวแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งหลังจากสรุปได้ว่าเป็นโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะขอแนะนำให้ทำการทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสารภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing) เพื่อหาสารภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุ ซึ่งการทดสอบนี้ ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้วิธีการฉีดสารทดสอบเข้าในผิวหนัง (Intradermal Skin Test) ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบนี้ จะนำไปใช้ในการผลิตวัคซีนเพื่อการลดอาการภูมิแพ้ (Immunotherapy) ต่อไป
การรักษา
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังค่อนข้างมาก เพราะสัตว์ป่วยแต่ละตัวจะตอบต่อการรักษา และทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาไม่เหมือนกัน สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษาจำเป็นต้องปรับการรักษาให้เหมาะสมกับสัตว์ป่วยแต่ละตัวเป็นรายๆไป
ซึ่งข้อสำคัญที่ควรรู้อีกข้อสำหรับโรคภูมิแพ้ก็คือ เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาดได้ ไม่ว่าในคนหรือสัตว์ก็ตาม และโรคนี้เป็นตลอดชีวิต การรักษาในปัจจุบัน เราจะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดอาการของโรค และทำให้คุณภาพชีวิตของเจ้าของสัตว์ และตัวสัตว์ป่วยเองให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะมีการสร้างโปรแกรมการบำบัดรักษาให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่าย และวิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการควบคุมโรคนี้ ซึ่งรายละเอียดของการรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ กรุณาติดตามอ่านได้ในเรื่อง “การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ”
สัตว์ที่มีปัญหาของโรคนี้จะแสดงอาการถู เลีย แทะ หรือเกา บริเวณเท้า หน้า หู รักแร้หรือโคนขาหนีบ ซึ่งทำให้ขนร่วง ผิวหนังแดง และหนาตัวขึ้นตามมา ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในบางราย สัตว์ที่มีปัญหาคันมักเกิดจากหลายๆสาเหตุรวมกัน โดยที่ถ้าสัตว์ป่วยตัวนั้นมีปัญหาโรคภูมิแพ้เพียงอย่างเดียว อาจยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดอาการคัน โรคที่มักเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้ แล้วเสริมฤทธิ์กันเพื่อให้อาการคันมากขึ้นที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบอยู่บ่อยๆได้แก่ การแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ การแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร การแพ้น้ำลายหมัด ปรสิตของผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือยีสต์ ซึ่งการกำจัดบางปัญหาที่มีอยู่ในสัตว์ป่วยตัวนี้ออกไป อาจทำให้สัตว์ป่วยตัวนี้หยุดคันได้ ดังนั้นในการจัดการกับโรคภูมิแพ้จึงจำเป็นต้อง จัดการกับปัญหาอื่นๆที่เกิดร่วมกันออกไปด้วย จึงจะได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศค่อนข้างยุ่งยาก และใช้เวลา โดยอาศัยข้อมูลประวัติของโรคผิวหนัง อาการที่แสดงออก ร่วมกับการประเมินอาการคันที่เหลืออยู่ หลังจากการจำกัดการได้รับน้ำลายหมัด และการจำกัดการแพ้สารก่อภูมิแพ้ในอาหารโดยสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนัง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งจากตัวสัตว์ป่วย เจ้าของสัตว์และทุกคนในบ้าน รวมทั้งสัตวแพทย์ที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งหลังจากสรุปได้ว่าเป็นโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะขอแนะนำให้ทำการทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสารภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing) เพื่อหาสารภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุ ซึ่งการทดสอบนี้ ที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้วิธีการฉีดสารทดสอบเข้าในผิวหนัง (Intradermal Skin Test) ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบนี้ จะนำไปใช้ในการผลิตวัคซีนเพื่อการลดอาการภูมิแพ้ (Immunotherapy) ต่อไป
การรักษา
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของสัตวแพทย์ด้านโรคผิวหนังค่อนข้างมาก เพราะสัตว์ป่วยแต่ละตัวจะตอบต่อการรักษา และทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาไม่เหมือนกัน สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษาจำเป็นต้องปรับการรักษาให้เหมาะสมกับสัตว์ป่วยแต่ละตัวเป็นรายๆไป
ซึ่งข้อสำคัญที่ควรรู้อีกข้อสำหรับโรคภูมิแพ้ก็คือ เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาดได้ ไม่ว่าในคนหรือสัตว์ก็ตาม และโรคนี้เป็นตลอดชีวิต การรักษาในปัจจุบัน เราจะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดอาการของโรค และทำให้คุณภาพชีวิตของเจ้าของสัตว์ และตัวสัตว์ป่วยเองให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะมีการสร้างโปรแกรมการบำบัดรักษาให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่าย และวิถีการดำเนินชีวิตในแต่ละราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการควบคุมโรคนี้ ซึ่งรายละเอียดของการรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ กรุณาติดตามอ่านได้ในเรื่อง “การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ”
โรคกลากของสุนัข และแมว (Dermatophytosis)
กลาก (Ringworm) เป็นคำที่ใช้ในการเรียกการติดเชื้อราในตระกูล Dermatophyte ของผิวหนังและขน ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในสัตว์และคน เชื้อราบางชนิดจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนร่างกายของคน หรือสัตว์เท่านั้น แต่หลายๆชนิดที่เหลือจะชอบอยู่บนดินเป็นหลักมากกว่า คนและสัตว์สามารถติดเชื้อราได้โดยการสัมผัสกับคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อนี้อยู่ก่อนแล้ว หรือแม้แต่วัตถุต่างๆ เช่นดินที่ปนเปื้อนเชื้อรา ถ้าคนหรือสัตว์ไปสัมผัสเข้า ก็สามารถติดได้เช่นกัน โดยทั่วไป ลูกสัตว์ เด็ก และพวกที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันจะไวต่อการติดเชื้อกว่าปกติ ยกเว้นแมวมักจะไวต่อการติดเชื้อรามากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆเป็นพิเศษ
ลักษณะรอยโรคของกลากในสุนัขและแมว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าไม่จำเป็นต้องเป็นวงกลมเหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในตำราทางสัตวแพทย์เสมอไป เพราะว่า สุนัข แมว รวมทั้งเชื้อราไม่ได้อ่านตำราด้วย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบบ่อยๆว่าสัตว์ที่เป็นโรคนี้หลายๆตัวแสดงอาการเพียงแค่มีรังแค และขนร่วงเท่านั้น ในขณะที่อีกหลายๆตัวไม่แสดงอาการขนร่วง แต่แสดงอาการแบบมีก้อนเล็กๆในชั้นผิวหนังโดยมีสะเก็ดปกคลุมอยู่ข้างบน ในขณะที่อีกหลายๆตัวเช่นกันโดยเฉพาะในแมว จะไม่แสดงความผิดปกติใดๆออกมาให้เห็นเลย เราเรียกพวกกลุ่มสุดท้ายนี้ว่า พวกพาหะ (Carrier) ซึ่งพวกนี้สามารถแพร่เชื้อไปสู่คน และสัตว์ตัวอื่นๆได้โดยที่ตัวมันเองไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เห็นเลย
สิ่งสำคัญที่ควรรู้สำหรับโรคนี้คือ กลากของสุนัขและแมวสามารถติดไปสู่คนได้ และสามารถติดจากคนมายังสัตว์ได้เช่นกัน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าเจ้าของสัตว์ที่มีรอยโรควงกลมสีแดง คัน และมีสัตว์เลี้ยงที่บ้านเป็นกลาก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาด้วยเช่นกัน
การวินิจัยโรคนี้ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการใช้ Wood’s Lamp ส่องตรวจร่วมกับการใช้การตรวจหาเชื้อราด้วยกล้องจุลทรรศน์ แล้วยืนยันผลการตรวจโดยการเพาะหาเชื้อราบนผิวหนังและขน เพื่อความแน่ใจต่อไป
การรักษา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในกรณีที่เป็นบริเวณเล็กๆ การไถขนรอบบริเวณที่เป็นร่วมการใช้ยาเฉพาะที่อาจจะเพียงพอในบางราย แต่ในหลายๆราย รวมถึงในรายที่เป็นเป็นบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วทั้งตัว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในกรณีนี้ การไถขนรอบบริเวณที่เป็นร่วมการใช้ยาเฉพาะที่มักไม่เพียงพอ ซึ่งในกรณีนี้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้ยากินร่วมการใช้ยาอาบและแชมพูยา และทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้ไถขนทิ้งทั้งตัว เพราะเชื้อราชอบที่จะซ่อนอยู่ในขน และยาที่ใช้กำจัดเชื้อราที่ซ่อนอยู่ในขนอย่างมีประสิทธิภาพยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน เนื่องจากการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อรามักใช้ระยะเวลาที่นาน และตัวยากำจัดเชื้อราก็ค่อนข้างมีผลข้างเคียงสูง ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้ทำการตรวจเพื่อประเมินสภาพสัตว์เป็นระยะๆ ทั้งก่อนและขณะทำการรักษา อีกประการที่สำคัญคือตัวเชื้อราค่อนข้างดื้อยาง่าย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะมีการตรวจสภาวะการติดเชื้อเป็นระยะๆเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสมในการหยุดยา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าไม่ควรหยุดการรักษาเองเมื่อดูเหมือนว่าหายดีแล้ว เพราะอาจทำให้เชื้อราที่หลงเหลืออยู่ดื้อยาได้ จึงถ้ามีการกลับมาเป็นซ้ำจะทำให้กระบวนการรักษายุ่งยากขึ้น ที่สำคัญอีกอย่างคือ ขนที่ถูกไถออกมา ควรนำไปเผาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อรากระจายออกไป
ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้แยกสัตว์ที่ติดเชื้อราออก เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสกับสัตว์ตัวอื่นๆ และควรแยกสัตว์ป่วยไม่ให้มีการสัมผัสกับเด็ก และคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่า ผู้ที่ต้องสัมผัสกับสัตว์ป่วยควรที่จะสวมถุงมือเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย ควรทำความสะอาด และฆ่าเชื้อในห้อง สิ่งของที่อยู่ในห้องที่สัตว์ป่วยอยู่ และบนสิ่งของที่สัมผัสกับสัตว์ป่วยทั้งหมด การดูดฝุ่นโดยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นได้ร่วมกับการฆ่าเชื้อโดยใช้น้ำยาซักผ้าขาวเช่น คลอรอกซ์ หรือไฮเตอร์ละลายน้ำ 1:30 ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) เห็นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ในประเทศไทย ในการกำจัดเชื้อราที่อยู่ในสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับขน ถุงเก็บฝุ่นที่ใช้แล้วควรนำไปเผาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อรากระจายออกไป สัตว์ตัวอื่นที่อยู่ในบ้านควรที่จะได้รับการตรวจหาการติดเชื้อราเป็นระยะๆด้วย
ลักษณะรอยโรคของกลากในสุนัขและแมว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าไม่จำเป็นต้องเป็นวงกลมเหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในตำราทางสัตวแพทย์เสมอไป เพราะว่า สุนัข แมว รวมทั้งเชื้อราไม่ได้อ่านตำราด้วย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบบ่อยๆว่าสัตว์ที่เป็นโรคนี้หลายๆตัวแสดงอาการเพียงแค่มีรังแค และขนร่วงเท่านั้น ในขณะที่อีกหลายๆตัวไม่แสดงอาการขนร่วง แต่แสดงอาการแบบมีก้อนเล็กๆในชั้นผิวหนังโดยมีสะเก็ดปกคลุมอยู่ข้างบน ในขณะที่อีกหลายๆตัวเช่นกันโดยเฉพาะในแมว จะไม่แสดงความผิดปกติใดๆออกมาให้เห็นเลย เราเรียกพวกกลุ่มสุดท้ายนี้ว่า พวกพาหะ (Carrier) ซึ่งพวกนี้สามารถแพร่เชื้อไปสู่คน และสัตว์ตัวอื่นๆได้โดยที่ตัวมันเองไม่ได้แสดงอาการใดๆให้เห็นเลย
สิ่งสำคัญที่ควรรู้สำหรับโรคนี้คือ กลากของสุนัขและแมวสามารถติดไปสู่คนได้ และสามารถติดจากคนมายังสัตว์ได้เช่นกัน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าเจ้าของสัตว์ที่มีรอยโรควงกลมสีแดง คัน และมีสัตว์เลี้ยงที่บ้านเป็นกลาก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาด้วยเช่นกัน
การวินิจัยโรคนี้ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการใช้ Wood’s Lamp ส่องตรวจร่วมกับการใช้การตรวจหาเชื้อราด้วยกล้องจุลทรรศน์ แล้วยืนยันผลการตรวจโดยการเพาะหาเชื้อราบนผิวหนังและขน เพื่อความแน่ใจต่อไป
การรักษา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในกรณีที่เป็นบริเวณเล็กๆ การไถขนรอบบริเวณที่เป็นร่วมการใช้ยาเฉพาะที่อาจจะเพียงพอในบางราย แต่ในหลายๆราย รวมถึงในรายที่เป็นเป็นบริเวณกว้าง หรือเป็นทั่วทั้งตัว ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าในกรณีนี้ การไถขนรอบบริเวณที่เป็นร่วมการใช้ยาเฉพาะที่มักไม่เพียงพอ ซึ่งในกรณีนี้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้ยากินร่วมการใช้ยาอาบและแชมพูยา และทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้ไถขนทิ้งทั้งตัว เพราะเชื้อราชอบที่จะซ่อนอยู่ในขน และยาที่ใช้กำจัดเชื้อราที่ซ่อนอยู่ในขนอย่างมีประสิทธิภาพยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน เนื่องจากการรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อรามักใช้ระยะเวลาที่นาน และตัวยากำจัดเชื้อราก็ค่อนข้างมีผลข้างเคียงสูง ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้ทำการตรวจเพื่อประเมินสภาพสัตว์เป็นระยะๆ ทั้งก่อนและขณะทำการรักษา อีกประการที่สำคัญคือตัวเชื้อราค่อนข้างดื้อยาง่าย ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะมีการตรวจสภาวะการติดเชื้อเป็นระยะๆเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสมในการหยุดยา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าไม่ควรหยุดการรักษาเองเมื่อดูเหมือนว่าหายดีแล้ว เพราะอาจทำให้เชื้อราที่หลงเหลืออยู่ดื้อยาได้ จึงถ้ามีการกลับมาเป็นซ้ำจะทำให้กระบวนการรักษายุ่งยากขึ้น ที่สำคัญอีกอย่างคือ ขนที่ถูกไถออกมา ควรนำไปเผาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อรากระจายออกไป
ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำให้แยกสัตว์ที่ติดเชื้อราออก เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสกับสัตว์ตัวอื่นๆ และควรแยกสัตว์ป่วยไม่ให้มีการสัมผัสกับเด็ก และคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่า ผู้ที่ต้องสัมผัสกับสัตว์ป่วยควรที่จะสวมถุงมือเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย ควรทำความสะอาด และฆ่าเชื้อในห้อง สิ่งของที่อยู่ในห้องที่สัตว์ป่วยอยู่ และบนสิ่งของที่สัมผัสกับสัตว์ป่วยทั้งหมด การดูดฝุ่นโดยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปลี่ยนถุงเก็บฝุ่นได้ร่วมกับการฆ่าเชื้อโดยใช้น้ำยาซักผ้าขาวเช่น คลอรอกซ์ หรือไฮเตอร์ละลายน้ำ 1:30 ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) เห็นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ในประเทศไทย ในการกำจัดเชื้อราที่อยู่ในสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับขน ถุงเก็บฝุ่นที่ใช้แล้วควรนำไปเผาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อรากระจายออกไป สัตว์ตัวอื่นที่อยู่ในบ้านควรที่จะได้รับการตรวจหาการติดเชื้อราเป็นระยะๆด้วย
ภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด (HYPERADRENOCORTICISM - CUSHING'S DISEASE)
ภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด เป็นมาจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติโซลมากเกินขนาดที่ร่างกายจะรับไหว ซึ่งการที่ร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติโซลมากเกิน เกิดได้จากการผลิตที่มากกว่าปกติในร่างกายเอง หรือได้รับยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ที่มากหรือนานเกินไปอันเนื่องจากการรักษาด้วยยาหรือการใช้ยาไม่ถูกต้อง สำหรับในกลุ่มที่เกิดจากการผลิตที่มากกว่าปกติในร่างกายเอง อาจเกิดจากการที่ตัวต่อมหมวกไตผลิตมากเกินเอง หรือต่อมใต้สมองเป็นตัวกระตุ้นให้ผลิตมากเกิน
อาการของภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด ได้แก่ การกินน้ำมากกว่าปกติ ถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติ อยากอาหารมากกว่าปกติ ท้องโตย้อย ขนร่วง ซึมและอ่อนแรง หอบ บ่อยครั้งมักมีการติดเชื้อแบบเป็นๆหายๆ สุนัขที่ไม่ได้รับการรักษามักจะเสียชีวิตภายใน 1-2 ปี แต่ในรายที่ได้รับการรักษาจะสามารถอยู่จนสิ้นอายุไขตามธรรมชาติปกติได้ การทำการรักษาที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะทำโดยการใช้ยาควบคุมการสร้างฮอร์โมนคอร์ติโซลเป็นหลัก เพื่อให้สัตว์ดำรงชีวิตโดยปลอดจากภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาดให้มากที่สุด ส่วนในรายที่ไม่สามารถตอบสนองต่อการใช้ยาควบคุมการสร้างฮอร์โมนคอร์ติโซลได้ดี อาจแนะนำให้ใช้วิธีทางศัลยกรรมช่วยซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
การวินิจฉัย ภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด ทำได้ค่อนข้างยากมีความซับซ้อนโดยเฉพาะในรายที่เพิ่งเริ่มเป็น ต้องการผู้มีความรู้เฉพาะทางในการเลือกวิธีการทดสอบและแปลผล สำหรับทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะทำการวินิจฉัยโรคโดยการพิจารณาจากค่าเม็ดเลือด ค่าเคมีในเลือด ระดับเคมีในปัสสาวะ ระดับฮอร์โมนคอร์ติโซลในเลือดและปัสสาวะ การประเมินการทำงานของต่อมหมวกไตด้วยวิธีการทดสอบพิเศษร่วมกัน
การรักษา เนื่องจาก การรักษาภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาดค่อนข้างมีความยุ่งยาก และการใช้ยารักษาโรคนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในการปรับการรักษาเป็นรายๆไป จึงไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้
อาการของภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด ได้แก่ การกินน้ำมากกว่าปกติ ถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติ อยากอาหารมากกว่าปกติ ท้องโตย้อย ขนร่วง ซึมและอ่อนแรง หอบ บ่อยครั้งมักมีการติดเชื้อแบบเป็นๆหายๆ สุนัขที่ไม่ได้รับการรักษามักจะเสียชีวิตภายใน 1-2 ปี แต่ในรายที่ได้รับการรักษาจะสามารถอยู่จนสิ้นอายุไขตามธรรมชาติปกติได้ การทำการรักษาที่คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะทำโดยการใช้ยาควบคุมการสร้างฮอร์โมนคอร์ติโซลเป็นหลัก เพื่อให้สัตว์ดำรงชีวิตโดยปลอดจากภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาดให้มากที่สุด ส่วนในรายที่ไม่สามารถตอบสนองต่อการใช้ยาควบคุมการสร้างฮอร์โมนคอร์ติโซลได้ดี อาจแนะนำให้ใช้วิธีทางศัลยกรรมช่วยซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
การวินิจฉัย ภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด ทำได้ค่อนข้างยากมีความซับซ้อนโดยเฉพาะในรายที่เพิ่งเริ่มเป็น ต้องการผู้มีความรู้เฉพาะทางในการเลือกวิธีการทดสอบและแปลผล สำหรับทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะทำการวินิจฉัยโรคโดยการพิจารณาจากค่าเม็ดเลือด ค่าเคมีในเลือด ระดับเคมีในปัสสาวะ ระดับฮอร์โมนคอร์ติโซลในเลือดและปัสสาวะ การประเมินการทำงานของต่อมหมวกไตด้วยวิธีการทดสอบพิเศษร่วมกัน
การรักษา เนื่องจาก การรักษาภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาดค่อนข้างมีความยุ่งยาก และการใช้ยารักษาโรคนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในการปรับการรักษาเป็นรายๆไป จึงไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้
Labels:
ภาวะฮอร์โมนต่อมหมวกไตเกินขนาด,
แมว,
โรคผิวหนัง,
สุนัข,
หมา
ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (HYPOTHYROIDISM)
ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (HYPOTHYROIDISM)
ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ เป็นโรคของระบบต่อมไร้ท่อที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าพบได้บ่อยที่สุดในสุนัข (แต่ไม่ค่อยพบในแมว) เกิดจากการที่มีปริมาณฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เนื่องมาจากปริมาณการผลิตฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ที่ลดลง ตัวต่อมไทรอยด์จะอยู่บริเวณคอใกล้ๆกล่องเสียง ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) มักพบการเกิดโรคนี้ได้ในสุนัขกลางวัยหรือสุนัขชรา สุนัขที่ป่วยจะแสดงอาการเหนื่อยง่าย หลับยาวขึ้น เซื่องซึม ชอบหาที่อุ่นๆอยู่เวลาอากาศเย็นๆ สายพันธุ์ที่มีลำตัวบางจะดูเจ้าเนื้อมากขึ้น ผิวหนังจะดูหนาตัวขึ้น ขนดูแห้งๆไม่เงาสดใส สีขนดูหม่นลง ขนดูบางลงโดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น ถ้านำสุนัขไปตัดขนบริเวณขนที่ถูกไถอาจไม่กลับมาขึ้นใหม่ สุนัขที่ป่วยด้วยภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มักมีปัญหาผิวหนังติดเชื้อง่าย แผลหายยาก และมักมีปัญหาสุขภาพค่อนข้างมาก
การวินิจฉัย ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการตรวจหาระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ในกระแสเลือด ร่วมกับการวัดการทำงานของต่อมไทรอยด์ เนื่องจากการแปลผลทดสอบค่อนข้างซับซ้อน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าหลายๆรายจำเป็นต้องมีการทดสอบซ้ำเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
การรักษา ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการให้ฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ โดยทั่วไปแล้วสุนัขป่วยมักจะดูสดชื่นอย่างรวดเร็วหลังจากเริ่มทำการรักษา แต่ทว่ากว่าขนจะเริ่มขึ้นและขนดูเงางามขึ้นมักใช้เวลาหลายเดือน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าในบางราย ซึ่งพบไม่บ่อยนักที่อาจไวต่อปฏิกริยาข้างเคียงของฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ อาทิเช่นหัวใจเต้นเร็วขึ้น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น มีอาการแปรปรวนทางอารมณ์ น้ำหนักตัวลด ในกรณีนี้กรุณาติดต่อกลับมาที่คลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) เพื่อทำการแก้ไข และปรับแผนการรักษา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าสุนัขทุกตัวที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ควรได้รับการตรวจระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ในกระแสเลือดทุก 6 เดือนเพื่อจะได้ปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ สุนัขที่ป่วยด้วยโรคภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ต้องได้รับฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ตลอดชีวิต
ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ เป็นโรคของระบบต่อมไร้ท่อที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าพบได้บ่อยที่สุดในสุนัข (แต่ไม่ค่อยพบในแมว) เกิดจากการที่มีปริมาณฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เนื่องมาจากปริมาณการผลิตฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ที่ลดลง ตัวต่อมไทรอยด์จะอยู่บริเวณคอใกล้ๆกล่องเสียง ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) มักพบการเกิดโรคนี้ได้ในสุนัขกลางวัยหรือสุนัขชรา สุนัขที่ป่วยจะแสดงอาการเหนื่อยง่าย หลับยาวขึ้น เซื่องซึม ชอบหาที่อุ่นๆอยู่เวลาอากาศเย็นๆ สายพันธุ์ที่มีลำตัวบางจะดูเจ้าเนื้อมากขึ้น ผิวหนังจะดูหนาตัวขึ้น ขนดูแห้งๆไม่เงาสดใส สีขนดูหม่นลง ขนดูบางลงโดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อยๆ ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น ถ้านำสุนัขไปตัดขนบริเวณขนที่ถูกไถอาจไม่กลับมาขึ้นใหม่ สุนัขที่ป่วยด้วยภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มักมีปัญหาผิวหนังติดเชื้อง่าย แผลหายยาก และมักมีปัญหาสุขภาพค่อนข้างมาก
การวินิจฉัย ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการตรวจหาระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ในกระแสเลือด ร่วมกับการวัดการทำงานของต่อมไทรอยด์ เนื่องจากการแปลผลทดสอบค่อนข้างซับซ้อน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าหลายๆรายจำเป็นต้องมีการทดสอบซ้ำเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
การรักษา ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) จะกระทำโดยการให้ฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ โดยทั่วไปแล้วสุนัขป่วยมักจะดูสดชื่นอย่างรวดเร็วหลังจากเริ่มทำการรักษา แต่ทว่ากว่าขนจะเริ่มขึ้นและขนดูเงางามขึ้นมักใช้เวลาหลายเดือน ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) พบว่าในบางราย ซึ่งพบไม่บ่อยนักที่อาจไวต่อปฏิกริยาข้างเคียงของฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ อาทิเช่นหัวใจเต้นเร็วขึ้น กินน้ำมากขึ้น ปัสสาวะมากขึ้น มีอาการแปรปรวนทางอารมณ์ น้ำหนักตัวลด ในกรณีนี้กรุณาติดต่อกลับมาที่คลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) เพื่อทำการแก้ไข และปรับแผนการรักษา ทางคลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง) ขอแนะนำว่าสุนัขทุกตัวที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ควรได้รับการตรวจระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ในกระแสเลือดทุก 6 เดือนเพื่อจะได้ปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ สุนัขที่ป่วยด้วยโรคภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ต้องได้รับฮอร์โมนทดแทนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ตลอดชีวิต
Labels:
ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์,
แมว,
โรคผิวหนัง,
สุนัข,
หมา
Sunday, July 25, 2010
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassesia ในสุนัข (Malassesia Dermatitis)
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassesia ในสุนัข (Malassesia Dermatitis)
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข เป็นภาวะการติดเชื้อแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย เชื้อ Malassezia เป็นเชื้อในตระกูลยีสต์ซึ่งสามารถพบได้ในผิวหนังสุนัขปกติโดยเฉพาะแถวใต้หางและหู ภายสภาวะใต้การเปลื่ยนแปลงบางอย่างของผิวหนัง อาจทำให้จำนวนเชื้อเพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดโรคได้
ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อยีสต์ Malassezia ที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบได้แก่ ภาวะซีบอเรีย ความหมักหมมอับชื้น และการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมภาวะการอักเสบของผิวหนัง และโรคภูมิแพ้
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข สามารถแสดงอาการได้ทั้งแบบเฉพาะที่หรือเป็นทั่วทั้งตัว ซึ่งสุนัขสามารถแสดงอาการตั้งแต่ระดับอ่อนๆ จนถึงระดับรุนแรงได้ ผิวหนังของสุนัขที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะชื้น และมีกลิ่นเหม็นหืน ผิวหนังอาจดูหนาตัวขึ้น อาจมีสีแดง หรือออกเทาๆ
การวินิจฉัยภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้วิธีการเก็บตัวอย่างจากผิวหนังของสุนัขที่สงสัยว่าจะเป็นโรคไปย้อมสีแล้ว ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อประเมินสภาวะการติดเชี้อยีสต์ Malassezia
สำหรับการรักษาภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้ทั้งยากิน และยาภายนอกรวมถึงแชมพูยาชนิดพิเศษเพื่อควบคุมปริมาณของตัวเชื้อ ซึ่งโดยทั่วไป อาการจะดีขึ้นในสองสัปดาห์ (แต่ยังไม่หาย) ทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะทำการรักษาต่อ ร่วมกับการตรวจผิวหนังเป็นระยะๆเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการหยุดยาต่อไป
ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) เห็นว่าสิ่งสำคัญที่ป้องกันไม่ให้โรคนี้กลับมาเป็นใหม่หลังจากที่รักษาจนหายดีแล้วคือ ต้องหาให้ได้ว่าอะไรปัจจัย หรือสาเหตุที่ทำให้เชื้อยีสต์ Malassezia เพิ่มจำนวนจนถึงระดับก่อโรคได้ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าถ้าไม่หาหรือไม่รู้ว่าอะไรปัจจัย หรือสาเหตุที่ทำให้เชื้อยีสต์ Malassezia เพิ่มจำนวนจนถึงระดับก่อโรค โรคการรักษาภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ในเวลาไม่นานทั้งๆที่ได้รักษาจนหายดีแล้วก็ตาม
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข เป็นภาวะการติดเชื้อแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย เชื้อ Malassezia เป็นเชื้อในตระกูลยีสต์ซึ่งสามารถพบได้ในผิวหนังสุนัขปกติโดยเฉพาะแถวใต้หางและหู ภายสภาวะใต้การเปลื่ยนแปลงบางอย่างของผิวหนัง อาจทำให้จำนวนเชื้อเพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดโรคได้
ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อยีสต์ Malassezia ที่ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบได้แก่ ภาวะซีบอเรีย ความหมักหมมอับชื้น และการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมภาวะการอักเสบของผิวหนัง และโรคภูมิแพ้
ภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข สามารถแสดงอาการได้ทั้งแบบเฉพาะที่หรือเป็นทั่วทั้งตัว ซึ่งสุนัขสามารถแสดงอาการตั้งแต่ระดับอ่อนๆ จนถึงระดับรุนแรงได้ ผิวหนังของสุนัขที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะชื้น และมีกลิ่นเหม็นหืน ผิวหนังอาจดูหนาตัวขึ้น อาจมีสีแดง หรือออกเทาๆ
การวินิจฉัยภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้วิธีการเก็บตัวอย่างจากผิวหนังของสุนัขที่สงสัยว่าจะเป็นโรคไปย้อมสีแล้ว ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อประเมินสภาวะการติดเชี้อยีสต์ Malassezia
สำหรับการรักษาภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ในสุนัข ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะใช้ทั้งยากิน และยาภายนอกรวมถึงแชมพูยาชนิดพิเศษเพื่อควบคุมปริมาณของตัวเชื้อ ซึ่งโดยทั่วไป อาการจะดีขึ้นในสองสัปดาห์ (แต่ยังไม่หาย) ทางคลินิกบ้านรักสัตว์จะทำการรักษาต่อ ร่วมกับการตรวจผิวหนังเป็นระยะๆเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการหยุดยาต่อไป
ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) เห็นว่าสิ่งสำคัญที่ป้องกันไม่ให้โรคนี้กลับมาเป็นใหม่หลังจากที่รักษาจนหายดีแล้วคือ ต้องหาให้ได้ว่าอะไรปัจจัย หรือสาเหตุที่ทำให้เชื้อยีสต์ Malassezia เพิ่มจำนวนจนถึงระดับก่อโรคได้ ซึ่งทางคลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) พบว่าถ้าไม่หาหรือไม่รู้ว่าอะไรปัจจัย หรือสาเหตุที่ทำให้เชื้อยีสต์ Malassezia เพิ่มจำนวนจนถึงระดับก่อโรค โรคการรักษาภาวะการติดเชื้อยีสต์ Malassezia ก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ในเวลาไม่นานทั้งๆที่ได้รักษาจนหายดีแล้วก็ตาม
Subscribe to:
Posts (Atom)