ยาน่ารู้4 เอนโรฟลอกซาซิน (Enrofloxacin)
บทความเกี่ยวกับยาต่างๆ ผู้เขียนเขียนขึ้นมาเพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์ โดยอยู่บนความเชื่อที่ว่า เจ้าของสัตว์ควร และมีสิทธิได้รับรู้ข้อมูลของรักษาจากสัตวแพทย์ที่ได้กระทำกับสัตว์สัตว์เลี้ยงของท่านอย่างเต็มที่เท่าที่จำเป็นที่อย่างที่ควรจะได้รับตามสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหมดยุคของการปกปิดข้อมูลแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่สนับสนุนให้ผู้ไปหาซื้อยามาลองใช้กับสัตว์ป่วยของตนเองโดยไม่ผ่านการตรวจ และให้คำแนะนำในการใช้ยาต่างๆจากสัตวแพทย์ เพราะคุณ หรือสัตว์ได้รับผลเสียบางอย่างที่คาดไม่ถึงได้ รวมถึงจะขอเตือนว่าอย่าเอาข้อสิ่งที่ได้อ่านไปแสดงความอวดรู้ต่อสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการโดยเด็ดขาด เพราะว่าสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการก็เป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่งซึ่งอาจมีทิฐิ และอารมณ์บางอย่างซึ่งอาจเกิดผลเสียบางอย่างกับคุณ หรือสัตว์เลี้ยงของคุณได้ ถึงแม้ว่า ผู้เขียน เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าสัตวแพทย์ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพที่สูงพอก็ตาม
ชื่อการค้า: Baytril
รูปแบบของยา: เม็ดขนาด 22.7 mg, 68 mg, 136 mg และยาฉีด
เอนโรฟลอกซาซินเป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) ซึ่งยาตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ได้แก่ ออร์บิฟลอกซาซิน ซิโปรฟลอกซาซิน มาร์โบฟลอกซาซิน เป็นต้น ยาในกลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์ต่อตัวแบคทีเรียโดยการยับยั้ง DNA gyrase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในกระบวนการ DNA transcription ของแบคทีเรีย ซึ่งผลของการยับยั้บ DNA gyrase นี้จะทำให้ไม่สามารถอ่านคำสั่งที่อยู่บน DNA ได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือเซลล์ของแบคทีเรียตาย แต่ยาในกลุ่มนี้ไม่สามารถออกฤทธิ์ DNA gyrase ฃองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่น สุนัข แมว หรือมนุษย์ได้เพราะโครงสร้างทางเคมีของตัว DNA gyrase ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในทางสัตวแพทย์จะใช้ยาตัวนี้ในกรณีต่อไปนี้
*การติดเชื้อ Pseudomonas
*การติดเชื้อ Staphylococci รวมทั้งการติดเชื้อตัวนี้ที่ผิวหนัง
อย่างไรก็ตามยาตระกูลฟลูออโรควิโนโลนจะไม่ได้ผลกับการติดเชื้อแอนาโรบิค เช่น ฝี หรือ การติดเชื้อในช่องปาก
ผลข้างเคียงจาการใช้ยาตัวนี้ได้แก่
*มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียในรายที่ใช้ยาตัวนี้สูงกว่าขนาดที่แนะนำ 10 เท่า แต่ยังไม่พบอาการเหล่านี้เมื่อใช้ในขนาดที่แนะนำ
*ทำให้กระดูกอ่อนตามข้อต่อต่างๆเกิดความเสียหายจากผลของยา ซึ่งพบได้ในสุนัขอายูไม่เกิน 8 เดือน แต่ไม่พบปัญหานี้ในแมว
*มีรายงานว่าเอนโรฟลอกซาซินอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจอประสาทตา (Retina) ในแมวเมื่อได้รับยาในขนาดสูงได้
การใช้ยาเอนโรฟลอกซาซินร่วมยาตัวอื่น
*ยาซูคราเฟต (Sulcrafate) ซึ่งเป็นยารักษาโรคกระเพาะตัวหนึ่ง จะสามารถจับกับยาเอนโรฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
* ยาเอนโรฟลอกซาซินอาจทำให้ระดับยาทีโอฟิลิน (ยาขยายหลอดลม) ที่ใช้ร่วมกัน ในกระแสเลือดสูงขึ้นได้ ควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ในรายที่ได้รับยาไซโคสปอริน เช่นในรายที่ใช้ยาตัวนี้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ ยาออร์บิฟลอกซาซินจะทำให้ยาไซโคสปอรินเป็นพิษต่อไตได้รุนแรงขึ้น ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ยาเอนโรฟลอกซาซินจะมีการออกฤทธิ์แบบเสริมฤทธิ์กันในการต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม เพนนิซิลิน หรือเซบฟาโรสปอริน
*เกลือแร่ต่างๆที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่น ธาตุเหล้ก สังกะสี จะสามารถจับกับยาเอนโรฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
ข้อควรรู้
* ณ ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ยาตัวนี้ในรูปแบบยาเม็ดยังมีราคาที่ค่อนข้างจะสูง เมื่อเทียบกับมาตรฐานค่าครองชีพของประเทศไทย เจ้าของสัตว์ที่ไม่พร้อมที่เรื่องค่าใช้จ่าย ควรแจ้งคุณหมอล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างคุณหมอ และเจ้าของสัตว์ผู้ใช้บริการ
*ยาเม็ดเอนโรฟลอกซาซิน จะมีการเคลือบเพื่อดับกลิ่น และรสของยา ดั้งนั้นในกรณีที่มีการหัก หรือบดเม็ดยาจะทำให้สัตว์ป่วยสามารถรับรู้รสขมจัดของยาได้
*การบดยาเพื่อผสมกับอาหารหลายๆชนิด ไม่สามารถดับกลิ่น หรือรสของยาได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ Bayer ได้ทำการผลิตยาตัวนี้ในรูป flavor-tab ซึ่งมีรสชาตที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ให้ยาได้ง่ายขึ้น
*ในการติดเชื้อบางชนิด หรือการติดเชื้อในบางอวัยวะ อาจต้องใช้ในขนาดที่สูงกว่าที่แนะนำ ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่มีข้อสงสัย
*ไม่ควรใช้ในตระกูลนี้กับสัตว์ที่มีปัญหาโรคลมชัก
* เอนโรฟลอกซาซินอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจอประสาทตา (Retina) ในแมวเมื่อได้รับยาในขนาดสูงได้ ซึ่งแมวอาจตาบอดชั่วคราว หรือถาวรจากผลของยาได้ ณ. ขณะปัจจุบันเราพบปัญหานี้ปัญหานี้เฉพาะในรายที่ได้รับยาเอนโรฟลอกซาซิน เท่านั้น ยังไม่พบปัญหานี้ในรายที่ใช้ยาตระกูลฟลูออโรควิโนโลนตัวอื่นๆ ถึงแม้ว่าในทางทฤษฎียาตระกูลนี้จะทำให้เกิดความเสียหายต่อจอประสาทตา (Retina) ในแมวได้ก็ตาม
* เอนโรฟลอกซาซินสามารถทำให้เกิดผลึกของยาในปัสสาวะได้ แต่ยังไม่มีรายงานว่ายาเอนโรฟลอกซาซินทำให้เกิดนิ่ว
*เอนโรฟลอกซาซินเป็นพิษในคน ถ้าได้รับโดยการกิน หรือฉีด โดยเฉพาะในเด็ก ดังนั้นควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก แต่ถ้าเป็นการสัมผัสกับยา เช่นถือเม็ดยาเพื่อป้อนแก่สัตว์เลี้ยงจะไม่มีปัญหาใดๆ
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เวบเพจของ “คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)” หวังว่าทุกท่านที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมคงได้รับประโยชน์จากเวบเพจนี้
แนะนำคลินิก
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง เป็นส่วนหนึ่งของคลินิกบ้านรักสัตว์ ตั้งขึ้นมาเพื่อให้บริการบำบัดรักษาโรคผิวหนังสัตว์ ตั้งแต่ระดับเบื้องต้น จนถึงระดับการตรวจรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน รวมทั้ง ยังให้บริการรับส่งต่อเพื่อการตรวจรักษาต่อเนื่องในรายที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังที่มีความยุ่งยากซับซ้อนจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่นอีกด้วย
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง ดำเนินการตรวจ และรักษาโดย “น.สพ. รังสรรค์ สกุลพลอย สพ.บ. Cert Vet Dermatology”
การ บริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะให้บริการด้านโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบครบวงจร ตั้งแต่โรคผิวหนังเบื้องต้น เช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิต จนถึงโรคที่ต้องการ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งหรือเนื้องอกของผิวหนัง โรคผิวหนังที่เกิดจากความบกพร่องของฮอร์โมนหรือระบบภูมิค้มกัน รวมถึงโรคติดเชื้อของผิวหนัง หูอักเสบ โรคของเท้าที่เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด
ขั้นตอนการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะกระทำในแนวทางเดียวกับที่กระทำกันในประเทศออสเตรเลีย โดยจะเน้นไปที่การเจาะลึกไปถึงสาเหตุของโรคทั้ง สาเหตุหลัก และสาเหตุที่ซ่อนอยู่ควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิการรักษาที่สูงที่สุด มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด รวมทั้งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง ดำเนินการตรวจ และรักษาโดย “น.สพ. รังสรรค์ สกุลพลอย สพ.บ. Cert Vet Dermatology”
การ บริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะให้บริการด้านโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบครบวงจร ตั้งแต่โรคผิวหนังเบื้องต้น เช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิต จนถึงโรคที่ต้องการ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งหรือเนื้องอกของผิวหนัง โรคผิวหนังที่เกิดจากความบกพร่องของฮอร์โมนหรือระบบภูมิค้มกัน รวมถึงโรคติดเชื้อของผิวหนัง หูอักเสบ โรคของเท้าที่เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด
ขั้นตอนการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะกระทำในแนวทางเดียวกับที่กระทำกันในประเทศออสเตรเลีย โดยจะเน้นไปที่การเจาะลึกไปถึงสาเหตุของโรคทั้ง สาเหตุหลัก และสาเหตุที่ซ่อนอยู่ควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิการรักษาที่สูงที่สุด มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด รวมทั้งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
การบริการของเรา
การบริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยงประกอบด้วย
· การตรวจทางเซลล์วิทยา (Cytology)
· การตรวจเชื้อรา โดยวิธี KOH preparation, Wood’s lamp examination, และ Fungal Culture
· การทดสอบการแพ้น้ำลายหมัด (Flea bite hypersensitivity testing)
· การทดสอบการเกิดโรคผิวหนังเนื่อง จากอาหาร (Adverse food reaction testing)
· การทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสาร ภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing)
· การตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังที่มี ปัญหา เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy for Dermatohistopathology)
· การทดสอบระดับฮอร์โมน เพื่อการวินิจฉัยโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน (Hormonal Assay for Skin disease due to Endocrinopathy)
· การรักษาโรคภูมิแพ้ โดยการ Immunotherapy
· การตรวจโรคหู โดยการทำ Otoscopic examination
· การรักษาโรคหูอักเสบ โดยการทำ Ear Flushing technique
· การตรวจทางเซลล์วิทยา (Cytology)
· การตรวจเชื้อรา โดยวิธี KOH preparation, Wood’s lamp examination, และ Fungal Culture
· การทดสอบการแพ้น้ำลายหมัด (Flea bite hypersensitivity testing)
· การทดสอบการเกิดโรคผิวหนังเนื่อง จากอาหาร (Adverse food reaction testing)
· การทดสอบการเกิดปฏิกิริยากับสาร ภูมิแพ้ในอากาศ (Aeroallergen Testing)
· การตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังที่มี ปัญหา เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy for Dermatohistopathology)
· การทดสอบระดับฮอร์โมน เพื่อการวินิจฉัยโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน (Hormonal Assay for Skin disease due to Endocrinopathy)
· การรักษาโรคภูมิแพ้ โดยการ Immunotherapy
· การตรวจโรคหู โดยการทำ Otoscopic examination
· การรักษาโรคหูอักเสบ โดยการทำ Ear Flushing technique
ที่ตั้งคลินิก
66/36 หมู่บ้านนิศาชล ซ. บางแวก79 ถ. บางแวก (จรัลฯ13)
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
โทร. 064-253-5695
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
โทร. 064-253-5695
มือถือ 064-253-5695 (เปิดเครื่องรับสาย 8.00 น. - 20.00น.)
E-mail: allergyvet@yahoo.com
LINE : allergyskinvet
Facebook: facebook.com/allergyskinvet และ http://www.facebook.com/allergydermvet
พิกัด GPS : 13.741167,100.422598 (บนแผนที่ของ Google)
แผนที่ของคลิินิก: ให้ ก็อปปี้ "13.741167,100.422598" แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
แผนที่ของคลิินิก: ให้ ก็อปปี้ "13.741167,100.422598" แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
ติดต่อกับผมได้ที่โทร 064-253-5695
LINE : allergyskinvet และที่
Facebook: http://www.facebook.com/allergyskinvet
และ http://www.facebook.com/allergydermvet ครับ
เวลาทำการ
อาทิตย์ 13.00-20.30น.
จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00น. และ 17.00-20.30 น. (ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม หมอต้องออกไปรับลูก)
เสาร์ เฉพาะนัดล่วงหน้าเท่านั้น (ถ้าไม่มีใครนัด หมอขอปิดทำการ เพื่อพาลูกไปเที่ยว)
เนื่องจาก ปัจจุบันเจ้าของสัตว์หลายๆรายจะอยู่ไกลจากคลินิกมาก ประกอบกับช่วงนี้ตัวหมอเองมีความจำเป็นบางอย่าง ที่อาจจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อออกไปทำธุระ
จึงใคร่ขอรบกวนให้ช่วยโทรนัดล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่มาแล้วเสียเที่ยว
ทางคลินิกต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00น. และ 17.00-20.30 น. (ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม หมอต้องออกไปรับลูก)
เสาร์ เฉพาะนัดล่วงหน้าเท่านั้น (ถ้าไม่มีใครนัด หมอขอปิดทำการ เพื่อพาลูกไปเที่ยว)
เนื่องจาก ปัจจุบันเจ้าของสัตว์หลายๆรายจะอยู่ไกลจากคลินิกมาก ประกอบกับช่วงนี้ตัวหมอเองมีความจำเป็นบางอย่าง ที่อาจจำเป็นต้องปิดทำการเพื่อออกไปทำธุระ
จึงใคร่ขอรบกวนให้ช่วยโทรนัดล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่มาแล้วเสียเที่ยว
ทางคลินิกต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้
ติดต่อกับผมได้ที่โทร 064-253-5695
LINE : allergyskinvet และที่
Facebook: http://www.facebook.com/allergyskinvet
และ http://www.facebook.com/allergydermvet ครับ
ราคาค่าบริการสำหรับการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง
ราคาค่าบริการสำหรับโรคผิวหนังทั่วไป และโรคภูมิแพ้
+ค่าตรวจ + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่าตรวจ + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่าตรวจเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น จะแจ้งราคาให้ทราบเมื่อจำเป็นต้องทำการตรวจ
+ค่ายารักษา ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรคขี้เรื้อนรูขุมขน (สุนัขน้ำหนักตัวไม่เกิน 16 กิโลกรัม)
+ค่าตรวจทั่วไป + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่ายาที่ใช้รักษา 1,200 บาทต่อ 1 เดือน
+ค่ายาอื่นๆที่อาจต้องใช้ ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
+ค่ายารักษา ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
ค่าใช้จ่ายสำหรับโรคขี้เรื้อนรูขุมขน (สุนัขน้ำหนักตัวไม่เกิน 16 กิโลกรัม)
+ค่าตรวจทั่วไป + ค่าตรวจโรคผิวหนัง 200 บาท
+ค่ายาที่ใช้รักษา 1,200 บาทต่อ 1 เดือน
+ค่ายาอื่นๆที่อาจต้องใช้ ขึ้นกับชนิดของตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และตัวสัตว์ป่วยแต่ละตัว
สำหรับท่านที่ไม่ชอบพกเงินสด 😀😀 ตอนนี้ทางคลินิกได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินโดยใช้ การโอนเงินผ่าน Promtpay, การใช้ QR Code (ไม่ค่าโอนถ้าใช้บัญชี Promptpay) และรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต(คิดค่าธรรมเนียมการใช้บัตร 3%) ได้แล้วครับ 😁😁
เส้นทางมาที่คลินิก
คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 66/36 หมู่บ้านนิศาชล ซ. บางแวก79 ถ. บางแวก (จรัลฯ13)
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม 10160
การเดินทางมาที่คลินิกบ้านรักสัตว์(ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) จะสามารถมาได้หลายทาง โดยถ้ามาจาก ถ.กาญจนาภิเษก ให้เลี้ยวเข้า ถ.จรัลฯ 13(บางแวก) มุ่งหน้าไปทาง ถ.จรัลสนิทวงศ์ วิ่งตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นซุ้มประตูวัดมะพร้าวเตี้ยอยู่ด้านซ้าย ให้วิ่งตามทางมาเรื่อยๆจะเห็นหมู่บ้านศุภาลัยอยู่ด้านขวา จะเห็นตึกแถวของหมู่บ้านนิศาชลอยู่ติดกับหมู่บ้านศุภาลัย ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยบางแวก79 (ซอยหมู่บ้านนิศาชล) จะเห็นเซเว่นฯ อยู่ปากปากซอย (ทางเข้าหมู่บ้าน) แล้วเตรียมชิดซ้ายหาที่จอดรถ จะเห็นป้าย “คลินิกบ้านรักสัตว์” อยู่ด้านซ้าย สามารถจอดรถได้ที่หน้าคลินิก
ถ้ามาจาก ถ.ราชพฤกษ์ ถ.พุทธมณฑลสาย1 ถ.จรัลสนิทวงศ์ หรือ ถ.เพชรเกษม48 ให้เลี้ยวเข้า ถ.จรัลฯ 13 (บางแวก) มุ่งหน้าไปทาง ถ.กาญจนาภิเษก วิ่งตามทางมาเรื่อยๆจนข้ามสะพานข้ามคลองราชมนตรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยบางแวก79 (ซอยหมู่บ้านนิศาชล) จะเห็นเซเว่นฯ อยู่ปากปากซอย (ทางเข้าหมู่บ้าน) แล้วเตรียมชิดซ้ายหาที่จอดรถ จะเห็นป้าย “คลินิกบ้านรักสัตว์” อยู่ด้านซ้าย สามารถจอดรถได้ที่หน้าคลินิก
พิกัด GPS : 13.741167,100.422598 (บนแผนที่ของ Google)
แผนที่ของคลินิก: ให้ ก็อปปี้ 13.741167,100.422598 แล้วไป paste ลงที่ช่อง ค้นหา maps ของ http://maps.google.co.th/maps?hl=th&tab=wl คุณพบแผนที่ของคลินิก
จากนั้นคุณสามารถค้นหาเส้นทางมาที่คลินิกได้จาก link ที่อยู่ด้านซ้ายของแผนที่
สำหรับท่านที่ใช้ GPS ของ Garmin ให้ใช้พิกัด N:13 ํ 44.469' E:100 ํ 25.361'
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
การเตรียมตัวพาสัตว์เลี้ยงเพื่อรับการตรวจโรคผิวหนังกับทางคลินิกบ้านรักสัตว์
เพื่อที่จะเป็นการประหยัดเวลา และลดการใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องมีแก่เจ้าของสัตว์ป่วย
* คนที่พาสุนัขมารับการตรวจ และรักษา ควรเป็นเจ้าของสัตว์ป่วย หรือผู้ที่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการการยอมรับการรักษาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากโรคผิวหนังมัก ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่นาน มักต้องการการตรวจหลายครั้ง และต้องการการสื่อสารที่ดี เพื่อการอธิบายถึงปัญหาต่างๆของตัวโรค และแผนการรักษาที่ชัดเจน และไม่คลุมเคลือ
* กรุณาอย่าให้คนอื่น หรือคนรับใช้ที่ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เป็นคนพามาตรวจ และรับการรักษาแทน เพื่อป้องกันความผิดพลาดเนื่องจาก การสื่อสาร
* งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
* งดทำความสะอาดหูสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
*กรุณาอย่าใช้ยาทาที่เป็นสีต่างๆ ซึ่งล้างออกยาก เช่น ยาม่วง ยาเหลือง ยาแดง เนื่องยากลุ่มนี้จะบังแผล แผลรอยโรคต่างๆ และรบกวนการย้อมสีตัวอย่าง
* ถ้ามียาที่ต้องให้กิน หรือฉีดที่ต้องใช้อยู่ ณ เวลาที่ต้องการพามาตรวจ (ซึ่งได้รับมาจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่น) กรุณาอย่างดยา และแจ้งให้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ทราบทุกครั้ง
*สำหรับในกรณีที่พาแมวมา กรุณาใส่กรง หรือตระกร้าที่ปิดล๊อคได้มา เพื่อความปลอดภัยของแมว และตัวเจ้าของแมวเอง
* ควรโทรนัดล่วงหน้า
*ควรให้เวลากับทางคลินิก 1-2 ชั่วโมงเพื่อ การตรวจ รักษา และให้คำแนะนำได้เต็มที่
* เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ท่านเจ้าของสัตว์ป่วย กรุณากรอกแบบสอบถามโดยการคลิกที่ Label ทางด้านขวา หรือดาวน์โหลดได้จาก
https://docs.google.com/document/d/1u2LAH4cKOLi6Pvrdp5Bzyaq49q4OWS9-smhix7oKoNc/edit
โดยให้ Save เป็นไฟล์ของ Word แล้วกรอกแบบสอบถาม จากนั้นสามารถส่งได้โดยการปริ๊นท์ออกมาแล้วนำมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง หรือส่งมาทาง email หรืออัปโหลดขึ้น google docs แล้วแจ้งลิงค์มาทาง
http://www.facebook.com/Allergyskinvet หรือ http://www.facebook.com/allergydermvet ก็ได้
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
* คนที่พาสุนัขมารับการตรวจ และรักษา ควรเป็นเจ้าของสัตว์ป่วย หรือผู้ที่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการการยอมรับการรักษาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากโรคผิวหนังมัก ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่นาน มักต้องการการตรวจหลายครั้ง และต้องการการสื่อสารที่ดี เพื่อการอธิบายถึงปัญหาต่างๆของตัวโรค และแผนการรักษาที่ชัดเจน และไม่คลุมเคลือ
* กรุณาอย่าให้คนอื่น หรือคนรับใช้ที่ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เป็นคนพามาตรวจ และรับการรักษาแทน เพื่อป้องกันความผิดพลาดเนื่องจาก การสื่อสาร
* งดอาบน้ำสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
* งดทำความสะอาดหูสัตว์เลี้ยงของคุณก่อนมารับการตรวจ และรักษาอย่างน้อย 5 วันก่อนการนัดหมาย
*กรุณาอย่าใช้ยาทาที่เป็นสีต่างๆ ซึ่งล้างออกยาก เช่น ยาม่วง ยาเหลือง ยาแดง เนื่องยากลุ่มนี้จะบังแผล แผลรอยโรคต่างๆ และรบกวนการย้อมสีตัวอย่าง
* ถ้ามียาที่ต้องให้กิน หรือฉีดที่ต้องใช้อยู่ ณ เวลาที่ต้องการพามาตรวจ (ซึ่งได้รับมาจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่น) กรุณาอย่างดยา และแจ้งให้ทางคลินิกบ้านรักสัตว์ทราบทุกครั้ง
*สำหรับในกรณีที่พาแมวมา กรุณาใส่กรง หรือตระกร้าที่ปิดล๊อคได้มา เพื่อความปลอดภัยของแมว และตัวเจ้าของแมวเอง
* ควรโทรนัดล่วงหน้า
*ควรให้เวลากับทางคลินิก 1-2 ชั่วโมงเพื่อ การตรวจ รักษา และให้คำแนะนำได้เต็มที่
* เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ท่านเจ้าของสัตว์ป่วย กรุณากรอกแบบสอบถามโดยการคลิกที่ Label ทางด้านขวา หรือดาวน์โหลดได้จาก
https://docs.google.com/document/d/1u2LAH4cKOLi6Pvrdp5Bzyaq49q4OWS9-smhix7oKoNc/edit
โดยให้ Save เป็นไฟล์ของ Word แล้วกรอกแบบสอบถาม จากนั้นสามารถส่งได้โดยการปริ๊นท์ออกมาแล้วนำมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง หรือส่งมาทาง email หรืออัปโหลดขึ้น google docs แล้วแจ้งลิงค์มาทาง
http://www.facebook.com/Allergyskinvet หรือ http://www.facebook.com/allergydermvet ก็ได้
การตรวจรักษาจะรับเฉพาะในรายที่โทรนัดเท่านั้นครับ ถ้าสนใจโทรนัดได้ที่ 064-253-5695 ครับ
Tuesday, October 12, 2010
ยาน่ารู้ 3 ออร์บิฟลอกซาซิน (Orbifloxacin)
ยาน่ารู้ 3 ออร์บิฟลอกซาซิน (Orbifloxacin)
บทความเกี่ยวกับยาต่างๆ ผู้เขียนเขียนขึ้นมาเพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์ โดยอยู่บนความเชื่อที่ว่า เจ้าของสัตว์ควร และมีสิทธิได้รับรู้ข้อมูลของรักษาจากสัตวแพทย์ที่ได้กระทำกับสัตว์สัตว์เลี้ยงของท่านอย่างเต็มที่เท่าที่จำเป็นที่อย่างที่ควรจะได้รับตามสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหมดยุคของการปกปิดข้อมูลแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่สนับสนุนให้ผู้ไปหาซื้อยามาลองใช้กับสัตว์ป่วยของตนเองโดยไม่ผ่านการตรวจ และให้คำแนะนำในการใช้ยาต่างๆจากสัตวแพทย์ เพราะคุณ หรือสัตว์ได้รับผลเสียบางอย่างที่คาดไม่ถึงได้ รวมถึงจะขอเตือนว่าอย่าเอาข้อสิ่งที่ได้อ่านไปแสดงความอวดรู้ต่อสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการโดยเด็ดขาด เพราะว่าสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการก็เป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่งซึ่งอาจมีทิฐิ และอารมณ์บางอย่างซึ่งอาจเกิดผลเสียบางอย่างกับคุณ หรือสัตว์เลี้ยงของคุณได้ ถึงแม้ว่า ผู้เขียน เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าสัตวแพทย์ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพที่สูงพอก็ตาม
ชื่อการค้า: Orbax
รูปแบบของยา: เม็ดขนาด 5.7 mg, 22.7 mg และ 68 mg
ออร์บิฟลอกซาซิน เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) ซึ่งยาตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ได้แก่ เอนโรฟลอกซาซิน ซิโปรฟลอกซาซิน มาร์โบฟลอกซาซิน เป็นต้น ยาในกลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์ต่อตัวแบคทีเรียโดยการยับยั้ง DNA gyrase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในกระบวนการ DNA transcription ของแบคทีเรีย ซึ่งผลของการยับยั้บ DNA gyrase นี้จะทำให้ไม่สามารถอ่านคำสั่งที่อยู่บน DNA ได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือเซลล์ของแบคทีเรียตาย แต่ยาในกลุ่มนี้ไม่สามารถออกฤทธิ์ DNA gyrase ฃองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่น สุนัข แมว หรือมนุษย์ได้เพราะโครงสร้างทางเคมีของตัว DNA gyrase ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยาออร์บิฟลอกซาซินเป็นยาฟลูออโรควิโนโลนที่มีการดูดซึมจากทางเดินอาหารที่ค่อนข้างเร็ว หรือกล่าวอีกอย่างคือ 100% ของยาจะถูกดูดซึมภายใน 46 นาที
ในทางสัตวแพทย์จะใช้ยาตัวนี้ในกรณีต่อไปนี้
*การติดเชื้อ Pseudomonas
*การติดเชื้อ Staphylococci รวมทั้งการติดเชื้อตัวนี้ที่ผิวหนัง
อย่างไรก็ตามยาตระกูลฟลูออโรควิโนโลนจะไม่ได้ผลกับการติดเชื้อแอนาโรบิค เช่น ฝี หรือ การติดเชื้อในช่องปาก
ผลข้างเคียงจาการใช้ยาตัวนี้ได้แก่
*มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียในรายที่ใช้ยาตัวนี้สูงกว่าขนาดที่แนะนำ 10 เท่า แต่ยังไม่พบอาการเหล่านี้เมื่อใช้ในขนาดที่แนะนำ
*ทำให้กระดูกอ่อนตามข้อต่อต่างๆเกิดความเสียหายจากผลของยา ซึ่งพบได้ในสุนัขอายูไม่เกิน 8 เดือน แต่ไม่พบปัญหานี้ในแมว
การใช้ยาออร์บิฟลอกซาซินร่วมยาตัวอื่น
*ยาซูคราเฟต (Sulcrafate) ซึ่งเป็นยารักษาโรคกระเพาะตัวหนึ่ง จะสามารถจับกับยาออร์บิฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
* ยาออร์บิฟลอกซาซินอาจทำให้ระดับยาทีโอฟิลิน (ยาขยายหลอดลม) ที่ใช้ร่วมกัน ในกระแสเลือดสูงขึ้นได้ ควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ในรายที่ได้รับยาไซโคสปอริน เช่นในรายที่ใช้ยาตัวนี้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ ยาออร์บิฟลอกซาซินจะทำให้ยาไซโคสปอรินเป็นพิษต่อไตได้รุนแรงขึ้น ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ยาออร์บิฟลอกซาซินจะมีการออกฤทธิ์แบบเสริมฤทธิ์กันในการต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม เพนนิซิลิน หรือเซบฟาโรสปอริน
*เกลือแร่ต่างๆที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่น ธาตุเหล้ก สังกะสี จะสามารถจับกับยาออร์บิฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
ข้อควรรู้
*ยาเม็ดออร์บิฟลอกซาซิน จะมีการเคลือบเพื่อดับกลิ่น และรสของยา ดั้งนั้นในกรณีที่มีการหัก หรือบดเม็ดยาจะทำให้สัตว์ป่วยสามารถรับรู้รสขมจัดของยาได้
*การบดยาเพื่อผสมกับอาหารหลายๆชนิด ไม่สามารถดับกลิ่น หรือรสของยาได้
*ในการติดเชื้อบางชนิด หรือการติดเชื้อในบางอวัยวะ อาจต้องใช้ในขนาดที่สูงกว่าที่แนะนำ ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่มีข้อสงสัย
*ไม่ควรใช้ในตระกูลนี้กับสัตว์ที่มีปัญหาโรคลมชัก
* ณ ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ยาตัวนี้ยังมีราคาที่ค่อนข้างจะสูง เมื่อเทียบกับมาตรฐานค่าครองชีพของประเทศไทย เจ้าของสัตว์ที่ไม่พร้อมที่เรื่องค่าใช้จ่าย ควรแจ้งคุณหมอล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างคุณหมอ และเจ้าของสัตว์ผู้ใช้บริการ
บทความเกี่ยวกับยาต่างๆ ผู้เขียนเขียนขึ้นมาเพื่อให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์ โดยอยู่บนความเชื่อที่ว่า เจ้าของสัตว์ควร และมีสิทธิได้รับรู้ข้อมูลของรักษาจากสัตวแพทย์ที่ได้กระทำกับสัตว์สัตว์เลี้ยงของท่านอย่างเต็มที่เท่าที่จำเป็นที่อย่างที่ควรจะได้รับตามสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหมดยุคของการปกปิดข้อมูลแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่สนับสนุนให้ผู้ไปหาซื้อยามาลองใช้กับสัตว์ป่วยของตนเองโดยไม่ผ่านการตรวจ และให้คำแนะนำในการใช้ยาต่างๆจากสัตวแพทย์ เพราะคุณ หรือสัตว์ได้รับผลเสียบางอย่างที่คาดไม่ถึงได้ รวมถึงจะขอเตือนว่าอย่าเอาข้อสิ่งที่ได้อ่านไปแสดงความอวดรู้ต่อสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการโดยเด็ดขาด เพราะว่าสัตวแพทย์ที่คุณใช้บริการก็เป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่งซึ่งอาจมีทิฐิ และอารมณ์บางอย่างซึ่งอาจเกิดผลเสียบางอย่างกับคุณ หรือสัตว์เลี้ยงของคุณได้ ถึงแม้ว่า ผู้เขียน เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าสัตวแพทย์ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพที่สูงพอก็ตาม
ชื่อการค้า: Orbax
รูปแบบของยา: เม็ดขนาด 5.7 mg, 22.7 mg และ 68 mg
ออร์บิฟลอกซาซิน เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) ซึ่งยาตัวอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ได้แก่ เอนโรฟลอกซาซิน ซิโปรฟลอกซาซิน มาร์โบฟลอกซาซิน เป็นต้น ยาในกลุ่มนี้ จะออกฤทธิ์ต่อตัวแบคทีเรียโดยการยับยั้ง DNA gyrase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในกระบวนการ DNA transcription ของแบคทีเรีย ซึ่งผลของการยับยั้บ DNA gyrase นี้จะทำให้ไม่สามารถอ่านคำสั่งที่อยู่บน DNA ได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือเซลล์ของแบคทีเรียตาย แต่ยาในกลุ่มนี้ไม่สามารถออกฤทธิ์ DNA gyrase ฃองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่น สุนัข แมว หรือมนุษย์ได้เพราะโครงสร้างทางเคมีของตัว DNA gyrase ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยาออร์บิฟลอกซาซินเป็นยาฟลูออโรควิโนโลนที่มีการดูดซึมจากทางเดินอาหารที่ค่อนข้างเร็ว หรือกล่าวอีกอย่างคือ 100% ของยาจะถูกดูดซึมภายใน 46 นาที
ในทางสัตวแพทย์จะใช้ยาตัวนี้ในกรณีต่อไปนี้
*การติดเชื้อ Pseudomonas
*การติดเชื้อ Staphylococci รวมทั้งการติดเชื้อตัวนี้ที่ผิวหนัง
อย่างไรก็ตามยาตระกูลฟลูออโรควิโนโลนจะไม่ได้ผลกับการติดเชื้อแอนาโรบิค เช่น ฝี หรือ การติดเชื้อในช่องปาก
ผลข้างเคียงจาการใช้ยาตัวนี้ได้แก่
*มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียในรายที่ใช้ยาตัวนี้สูงกว่าขนาดที่แนะนำ 10 เท่า แต่ยังไม่พบอาการเหล่านี้เมื่อใช้ในขนาดที่แนะนำ
*ทำให้กระดูกอ่อนตามข้อต่อต่างๆเกิดความเสียหายจากผลของยา ซึ่งพบได้ในสุนัขอายูไม่เกิน 8 เดือน แต่ไม่พบปัญหานี้ในแมว
การใช้ยาออร์บิฟลอกซาซินร่วมยาตัวอื่น
*ยาซูคราเฟต (Sulcrafate) ซึ่งเป็นยารักษาโรคกระเพาะตัวหนึ่ง จะสามารถจับกับยาออร์บิฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
* ยาออร์บิฟลอกซาซินอาจทำให้ระดับยาทีโอฟิลิน (ยาขยายหลอดลม) ที่ใช้ร่วมกัน ในกระแสเลือดสูงขึ้นได้ ควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ในรายที่ได้รับยาไซโคสปอริน เช่นในรายที่ใช้ยาตัวนี้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ ยาออร์บิฟลอกซาซินจะทำให้ยาไซโคสปอรินเป็นพิษต่อไตได้รุนแรงขึ้น ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่ได้ยา เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน
*ยาออร์บิฟลอกซาซินจะมีการออกฤทธิ์แบบเสริมฤทธิ์กันในการต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม เพนนิซิลิน หรือเซบฟาโรสปอริน
*เกลือแร่ต่างๆที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่น ธาตุเหล้ก สังกะสี จะสามารถจับกับยาออร์บิฟลอกซาซิน ทำให้ยาไม่ถูกดูดซึม ดังนั้นในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา 2 ตัวนี้ร่วมกัน ควรให้ยาห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
ข้อควรรู้
*ยาเม็ดออร์บิฟลอกซาซิน จะมีการเคลือบเพื่อดับกลิ่น และรสของยา ดั้งนั้นในกรณีที่มีการหัก หรือบดเม็ดยาจะทำให้สัตว์ป่วยสามารถรับรู้รสขมจัดของยาได้
*การบดยาเพื่อผสมกับอาหารหลายๆชนิด ไม่สามารถดับกลิ่น หรือรสของยาได้
*ในการติดเชื้อบางชนิด หรือการติดเชื้อในบางอวัยวะ อาจต้องใช้ในขนาดที่สูงกว่าที่แนะนำ ดังนั้นควรถามสัตวแพทย์ทุกครั้งที่มีข้อสงสัย
*ไม่ควรใช้ในตระกูลนี้กับสัตว์ที่มีปัญหาโรคลมชัก
* ณ ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ยาตัวนี้ยังมีราคาที่ค่อนข้างจะสูง เมื่อเทียบกับมาตรฐานค่าครองชีพของประเทศไทย เจ้าของสัตว์ที่ไม่พร้อมที่เรื่องค่าใช้จ่าย ควรแจ้งคุณหมอล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างคุณหมอ และเจ้าของสัตว์ผู้ใช้บริการ
Subscribe to:
Posts (Atom)